Sexy Girls Video Clip Gossip Stars

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บี้ โดน!!!! จังหวะหัวใจ เวอร์เขมร >>>>

ป้ายกำกับ:

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ แต่งงาน........ไม่จริงใช่ใหม????


นี่มันก็ลือกันจนนั่งไม่ติดแล้วนะ....ลือหึ่งแบบยังหาต้นตอไม่ได้ สำหรับข่าวพี่ติ๊กจะแต่งงานสายฟ้าแลบสิ้นเดือนนี้

ใคร ก็ได้ช่วยมาซับน้ำตาหน่อย เพราะเพิ่งโดนผู้ชายหักอกมา ให้เรารัก ให้เราหลงอยู่นานสองนาน แล้วอยู่ดีๆๆ ก็จะมาชิงแต่งงานกับใครไม่รู้

ทำกันแบบนี้ฆ่ากันให้ตายดีกว่า......

ซุ่ม บ่มรักกันมานานหลายปี แต่พอโดนสื่อซักถึงความสัมพันธ์ทั้งพระเอกเทวดา ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี กับไฮโซสาว พีช-สิตมน แตงสุวรรณ เจ้าของร้าน คิว คอนเซ็ปต์ และยังเป็นเพื่อนสนิทหุ้นส่วนร้านตุ๊กตาบลายธ์กับนางเอกสาว ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต ต่างพร้อมใจตอบปฏิเสธราวกับนัดแนะมากันว่า เป็นแค่เพื่อนที่รู้จักกัน เนื่องจากติ๊กเป็นลูกค้าของทางร้านมานาน แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวลืออย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่ช่วงอาทิตย์ที่แล้วว่า ติ๊กเตรียมสละโสดวิวาห์แบบฟ้าแล่บกับพีช ซึ่งฤกษ์ที่ได้กำหนดไว้คือสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนสถานที่ที่จะจัดงานแต่งนั้นยังคงอุบเงียบเก็บไว้เป็นความลับ

ป้ายกำกับ:

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จี้จับพ่อตบลูกโคม่า


ยายขึ้นโรงพักจี้ตร.จับพ่อโหด ตบลูกชาย 3 ขวบครึ่ง จนกะโหลกร้าว หลังคดีไม่คืบหลานโคม่า เลือดคั่งในสมอง หมอระบุมีชีวิตอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ด้านร้อยเวรเจ้าของคดียันเร่งดำเนินการ ขณะนี้รอสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้แจ้งข้อหาพ่อแล้ว

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่สน. บางเขน นางเปลวรุ้ง พรรณโอภาส อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/195 หมู่บ้านบางบัวทอง ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดินทางเข้าร้องเรียนกรณี ด.ช.วีรรัตนพล หรือน้องฟิล์ม อุตมะ อายุ 3 ขวบครึ่ง หลานชาย ถูกนายอนุวัฒน์ สาหร่ายทอง อายุ 29 ปี พ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสมองตาย ขณะนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากน.ส.สุมนา อุตมะ อายุ 26 ปี แม่ของเด็กจะไม่กล้าเอาเรื่องสามี

นางเปลวรุ้งเปิดเผยว่า ตนเป็นอาของน.ส.สุมนา จึงมีศักดิ์เป็นยายของน้องฟิล์ม ที่ต้องมาร้องเรียนสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนทราบว่าน้องฟิล์มเข้าโรงพยาบาล จึงรีบมาดูพบว่ามีอาการสาหัส สอบถามเรื่องราวจากน.ส. สุมนาได้ความว่า วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. น.ส.สุมนาออกไปซื้อของที่ตลาด ปล่อยให้นายอนุวัฒน์ สามีอยู่กับน้องฟิล์มเพียงลำพังที่ห้องพักในแฟลตทหารย่านบางเขน ทั้งนี้ นางสุมนามีอาชีพขายไส้กรอกอยู่ใต้ถุนแฟตลดังกล่าว ส่วนนายอนุวัฒน์เป็นพนักงานห้างโลตัส

นางเปลวรุ้งกล่าวต่อว่า เมื่อนางสุมนากลับมาถึงบ้าน พบว่าน้องฟิล์มมีอาการไม่รู้สึกตัว มือเท้าเกร็ง พยายามเขย่าตัวเรียกและช่วยนวด 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว เลยตัดสินใจพาน้องฟิล์มส่ง ร.พ.ภูมิพล เวลา 22.00 น. ของวันนั้น โดยนายอนุวัฒน์อ้างว่าน้องฟิล์มลื่นล้มในห้องน้ำ แล้วบ่นปวดหัวก็เลยให้นอนพัก เมื่อพาตัวน้องฟิล์มมาถึงร.พ. หมอตรวจพบว่ากะโหลกร้าว เลือดคั่งในสมอง จนสมองปวม ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกทันที ต่อมาตนสอบถามแพทย์ ได้รับคำตอบว่าลักษณะบาดแผลไม่น่าจะเกิดจากการลื่นล้ม ตนจึงเรียกนางสุมนามาสอบถาม กระทั่งยอมเล่าว่านายอนุวัฒน์ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุตบศีรษะน้องฟิล์มจนหัว ไปกระแทกกับขอบอ่างน้ำ เนื่องจากโมโหเพราะจะให้อาบน้ำ แต่น้องฟิล์มดื้อไม่ยอมถอดกางเกง แถมยังยืนจ้องหน้า ไม่ใช่ลื่นล้มเองแต่อย่างใด

นางเปลวรุ้งกล่าวด้วยว่า หลังจากทราบเรื่องตนโมโหมากและพาน.ส.สุมนามาแจ้งความที่สน.บางเขน แต่นางสุมนาอิดๆ ออดๆ ไม่ยอมแจ้ง เพราะกลัวสามีจะติดคุก ตนจึงเดินทางไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาฯ ทางมูลนิธิฯช่วยเหลือพาน.ส.สุมนาเดินทางเข้าแจ้งความที่สน.บางเขน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. โดยมีร.ต.ท.สุพจน์ บัวแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.บางเขน เป็นเจ้าของคดี แต่ดูเหมือนน.ส.สุมนาไม่อยากจะแจ้งความ เพราะไม่อยากให้สามีติดคุก อีกทั้งคดีดูเหมือนไม่ค่อยจะคืบหน้า รู้แค่ว่ามีการเรียกพ่อเด็กมาสอบปากคำแล้วก็ปล่อยตัวไป หลังจากรู้ว่าทางหมอบอกว่าน้องฟิล์มถูกทำร้าย นายอนุวัฒน์หนีหายไป ต่อมาเมื่อเช้าวันนี้ ตนคุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าตอนนี้น้องฟิล์มอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น ให้แม่และญาติทำใจ อยู่ที่ว่าแม่เด็กจะให้ถอดสายเมื่อไหร่ เลยต้องมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้หลานวันนี้ และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับพ่อเด็กเสียทีเพราะถึงอย่างไรหลานก็ไม่รอดแล้ว ตนไม่อยากให้หลานตายฟรี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนายอนุวัฒน์ถึงเกลียดชังลูกคนนี้ ทั้งที่ลูกสาวอีก 2 คนก็เห็นรักกันดี

ด้านร.ต.ท.สุพจน์ บัวแก้ว กล่าวว่า คดีนี้อยู่ระหว่างเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ได้เรียกนายอนุวัฒน์มาสอบปากคำ และรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นไปแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีพ.ร.บ.คุ้ม ครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวที่ไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูล

ป้ายกำกับ:

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วุ้ย!!!! "น้องเก๋" เมียยังสาวของ "โอ-วรุฒ" สวยใช่เลย.....


เป็นข่าวสุ่มมีเมียท้องแปดเดือนเมื่อต้นสัปดาห์ ตอนนี้ก็มีภาพน้องเก๋หลุดออกมาแล้ว จะว่าไปก็สวยใช่เล่นเหมือนกันนะเจ๊ว่า

" น้องเก๋'' เจษฎาวัลย์ จันทร์แตง เป็นคนเพชรบูรณ์ ปัจจุบันเธออายุ 23 ปี เรียนจบแล้วจากสถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์ ที่มาที่ไปของความรักจนกระทั่งกำลังจะมีพยานเลิฟเพศชาย ''น้องแอร์บัส-ด.ช.อาณาจักร'' ที่กำลังจะลืมตาดูโลก เพราะฝ่ายหญิงเคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่โรงพยาบาลหนึ่งยานลาดพร้าว ซึ่งขณะนั้นโอ วรุฒมีปัญหาเรื่องสุภาพอย่างหนัก ก็เลยทำให้เจอกันบ่อย และเกิดความใกล้ชิด

ป้ายกำกับ:

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตัวอย่างหนังผีตุ๋มติ๋ม

ป้ายกำกับ:

ตัวอย่างหนังTransformers: Revenge of the Fallen

ป้ายกำกับ:

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตื่นคลิปมนุษย์ประหลาดหัว เป็นคนตัวเป็นงู


วันที่ 19 มิย.2552 ที่ วัดพนมสิงหวาส ม.1 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านพากันแตกตื่นแห่ไปดูภาพมนุษย์ประหลาด ที่มีผู้พบเห็นในถ้ำบริเวณใกล้ๆ กับชายแดนไทย - กัมพูชา ใกล้กับตีนเขาพระวิหาร มีคนจับตัวมาได้ และถ่ายคลิบวีดีโอมือถือเอาไว้ นำมาเผยแพร่ ตอนยังมีชีวิตอยู่ คล้ายคนครึ่งสัตว์ ขนาดตัวเล็กเท่าสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง สูงเพียงครึ่งฟุต มีผมสีทอง คล้ายเซียนที่บำเพ็ญเพียรตะบะ ใบหน้าคล้ายพระฤาษี มีมือ 2 ข้าง มีคลีบเป็นกลีบคล้ายปลา แต่มีนิ้วมีเล็บสามเล็บ ลำตัวเป็นงูมีเกล็ด ยาวราว 1 เมตร สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ถูกพบโดยทหารกัมพูชา คนไทยเดินทางขึ้นลงเขา ไปดูและขอถ่ายภาพมาให้ทกคนดูก็กล่าวว่าแปลกมาก เป็นสัตว์ที่โลกมนุษย์ไม่เคยพบมาก่อน ส่วนพระบอกเพิ่งเคยพบ ขอเก็บภาพไว้ที่วัด เปิดให้ชาวบ้านดูและช่วยกันพิจารณา ซึ่งผู้ที่ทราบข่าวว่าวัดมีภาพมนุษย์ประหลาด แห่เข้าวัดกันแน่นตั้งแต่เช้า
พระอาจารย์สุรชัย ญานทีโม เจ้าอาวาสวัดพนมสิงหวาส ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เล่าว่า สิ่งที่พบเห็นนี่จะว่าไปก็คือมนุษย์ แต่รูปร่างแปลกไป คล้ายคนครึ่งสัตว์ ประหลาดใจมาก ก็เพิ่งเคยพบจึงขอเก็บภาพไว้ในรูปของซีดี และหากใครมาที่วัดอยากจะพิสูจน์ก็จะเปิดให้ดู เพื่อช่วยกันพิจารณาว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่เชื่อว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งประประหลาดเช่นนี้อยู่ โดยเฉพาะในป่าบนเขาพระวิหาร ซึ่งถือว่าเป็นป่าดงดิบที่ใหญ่มากอยู่ ภูเขาหลายลูกไม่มีใครเข้าถึง แม้แต่พระเองที่เดินธุดงค์ก็เข้าไปไม่ทั่วเลย ซึ่งก็อาจจะพบสิ่งแปลกๆ ได้เช่นกัน แต่ก็อยากจะให้ทุกคนที่ดู พิจารณา ชีวิตเป็นสิ่งไม่เที่ยง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรม
ด้าน นายธนศักดิ์ เนียรศักดิ์ อายุ 37 ปี ผู้ซึ่งเป็นผู้ขึ้นไปพบ และนำภาพนี้ลงมาเผยแพร่ เปิดเผยว่า คือ ภาพนี้ได้มาจากฝั่งเขมร หรือคนกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่ติดอยู่กับวัดหลวงพ่อสุรชัย หรือที่ชาวบ้านเรียกวัดพนมสิงหวาส แห่งนี้ เมื่อเห็นก็คิดว่าภาพนี้น่าที่จะมีการเผยแพร่ต่อชาวโลก หรือเปิดโอกาสในทุกคนได้เห็นกัน จึงนำภาพมาให้หลวงพ่อดูว่าเกิดจากอะไรแน่ เพื่อเป็นการศึกษาไปด้วย และเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นกัน ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ แต่ช่วงที่เขาเดินเราไม่ได้เห็น จริงๆ ก็อยากเห็นเขาเดิน แต่เราไปเขาไม่เดิน แต่เราแค่นี่ก็ดีแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ และเป็นบุญตาที่ได้เห็น และตนก็มอบภาพนี้ไว้ให้เป็นสมบัติของวัด ให้หลวงพ่อไว้ที่เดียวแล้ว
ขณะนี้ได้มีชาวบ้านเดินทางมาขอดูอย่างไม่ขาดสาย บางรายได้มาขอพักค้างแรมอยู่ที่วัด เผื่อว่าจะได้เข้าฝันในสิ่งที่ดีดบ้าง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดก็ยินดี และจัดที่ทางให้ บางรายก็นุ่งขาวมาบำเพ็ญเพียรไปด้วย

ป้ายกำกับ:

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โอวรุฒ เปิดปาก! รับภรรยาท้องแล้ว 8 เดือน


วรุฒ วรธรรม นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ยอมรับเตรียมเป็นคุณพ่อ ท่ามกลางความตกใจของสื่อมวลชน

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา วรุฒ วรธรรม วัย 40 ปี ได้ยอมรับกับผู้สื่อข่าวในงานบวงสรวงละครของค่ายทีวีทันเดอร์ ระบุว่า เดือนหน้าจะได้เห็นหน้าลูกชายคนแรก และได้ตั้งชื่อว่า แอร์บัส ส่วนภรรยานั้นอายุน้อยกว่าถึง 17 ปี โดยเจอกันในโรงพยาบาลระหว่างที่ตนป่วยหนัก

วรุฒ ย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปิดบังเรื่องการมีครอบครัว แต่ไม่มีใครถามถึง และยังย้ำว่า จะไม่มีการจัดพิธีแต่งงาน เพราะไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายนับล้านบาท นอกจากนั้นโอ วรุฒ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่จดทะเบียนกับภรรยา เพราะไม่อยากรับภาระด้านภาษี

"คุณหมอบอกว่า ไม่เคยเห็นทารกในครรภ์จมูกโด่งขนาดนี้มาก่อน จมูกโด่งมาก (ถอดพิมพ์าเลยหรือเปล่า) ก็ขอให้ได้ความสูงผมเถอะ เพราะแฟนผมเตี้ย (หัวเราะ)

(อย่างนี้ก็แปลว่าคุณแม่ก็ต้องสวย) "ก็สวยนะ ขอให้ได้ผิวเขา หน้าคุณแม่เขา เพราะคุณแม่เขาหน้าสวย ผิวสวย

(ตื่นเต้นแค่ไหน) "ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นหรอก แต่ของครบหมดแล้ว" (หัวเราะอารมณ์ดี)

ป้ายกำกับ:

ทำความรู้จัก โรคไข้หวัดหมู H1N1


ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 เอชวันเอ็นวัน นับ เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมชี้ว่า เชื้อหวัดใหญ่ชนิดนี้เป็นส่วนผสมของไวรัสจากหมู มนุษย์ และสัตว์ปีก ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัย 25-45 นับเป็นสัญญาณที่น่าวิตกว่าอาจเป็นโรคระบาด
ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐ แถลงว่า ไวรัส ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่มีลักษณะพันธุกรรม หรือยีน แตกต่างจากไวรัสไข้หวัดหมูในอดีต เพราะมีองค์ประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ประกอบด้วย 1.เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ 2.เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ และ 3.เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง


ดร.แนนซี่กล่าวต่อว่า สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดหมูพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ "Antigenetic Shift" ซึ่งเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ อาจเข้าไปอยู่ในตัวหมูที่เป็นพาหะนำโรค ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา ตามปกติเชื้อไข้หวัดหมูจะติดคนที่สัมผัสหมูโดยตรงเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าหมู แต่เชื่อว่าอาจแพร่จากคนสู่คนผ่านการไอ การจาม หรือรับเชื้อจากวัสดุที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่บนพื้นผิว แต่การบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
น.พ.คำนวณกล่าวต่อว่า ผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู จะมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่จะแสดงอาการรุนแรง และรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดา โรค ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หมู แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดติดต่อจากคนสู่คน แตกต่างจากไข้หวัดนก ซึ่งติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ถือว่าสูงกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่ยังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ที่ผู้รับเชื้อจะมีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 60

ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าโรคนี้แม้เป็นสายพันธุ์หมู แต่ไม่เกี่ยวกับหมู ดังนั้นไม่อยากให้คนไทยแตกตื่น และกลัวการสัมผัส หรือรับประทานหมู เพราะเมื่อได้ยินว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู อาจทำให้กลัว ไม่กล้ากิน และไม่กล้าสัมผัสหมู


การแพร่เชื้อ

มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน

1.แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน (เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย )
2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัส

อาการ โรคไข้หวัดหมู
-มีไข้สูง
-หายใจไม่สะดวก
-ปวดศีรษะ ปวดตา
-ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง
-อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน


สำหรับคำแนะนำในการป้องกันเบื้องต้น เหมือนการป้องกันไข้หวัดธรรมดา คือ

1.เมื่อเป็นหวัดเวลาจามจะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันการติดต่อ
2.หมั่นล้างมือ
3. หากมีอาการรุนแรง ไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด และที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู

ป้ายกำกับ: ,

สธ.ปรับวิธีสกัดหวัด09 คุมไม่อยู่ ติดเพิ่ม95ราย




สธ.แถลงพบผู้ติดเชื้อหวัด ใหญ่2009 ในไทยอีก 95ราย ยอดรวมพุ่ง405 เป็นเด็กนักเรียนมากถึง 88 ราย ยันทุกรายอาการดีไม่น่าห่วง ชี้กทม.มีระบาดมากสุด ใน32โรงเรียน สรุปรวมโรงเรียนที่หยุดเรียนแล้วทั่วประเทศ 24 แห่ง ยืนยันว่าป่วยเป็นหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ใน 13 สถานศึกษา ล่าสุด สาธิตสวนสุนันทาปิด3วัน พบเด็กติดหวัดใหญ่กลุ่มเอเท่านั้น

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ. กล่าวว่า จากการประเมินการใช้เครื่องเทอร์โมสแกนที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่า สามารถดักจับผู้ป่วยที่มีอุณหภูมิความร้อนในร่างกายสูงได้เพียง ร้อยละ 10 เท่านั้น ความจำเป็นในการใช้เครื่องเทอร์โมสแกนในขณะนี้จึงมีน้อย ดังนั้นสธ. จะไม่มีการสั่งซื้อเครื่องนี้เพิ่ม ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ที่มีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการฯมีการเสนอให้ซื้อเครื่องเทอร์โมสแกนเพิ่ม เติม และได้รับอนุมัติงบประมาณส่วนนี้มาแล้ว 100 ล้านบาท

นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงมีการคัดกรองผู้ป่วยด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน และแจกบัตรแนะนำสุขภาพ แต่จะปรับเพิ่มมาตรการ โดยจะตั้งจุดตรวจรักษา 1 จุด มีแพทย์พยาบาลประจำการ 24 ชั่วโมง โดยติดป้ายประกาศแจ้งผู้โดยสาร ทั้งภาษาไทยและอังกฤษทุกประตู เพื่อแนะนำให้ผู้ที่มีไข้ ไอ มารับการตรวจรักษาที่จุดดังกล่าว หากอาการรุนแรงจะส่งรักษาต่อในโรงพยาบาล ส่วนผู้ที่อาการไม่รุนแรงจะให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวและติดตามอาการทุกวัน

"แต่จะยกเลิกการกรอกแบบสอบถามสุขภาพ (ต 8 ) ซึ่งให้ผู้โดยสารกรอกเองก่อนลงเครื่อง เนื่องจากการประเมินที่ผ่านมาพบว่า ผู้โดยสาร ร้อยละ 90 กรอกข้อมูลไม่ตรงกับความจริง ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังป้องกันโรคน้อย ซึ่งในช่วงที่มีการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เจ้าหน้าที่ได้แจกใบต.8 แล้ว เดือนละ 5 แสนฉบับ ซึ่งสิ้นเปลื้องมาก ขณะที่หากเป็นสถานการณ์ปกติ สามารถใช้ได้นาน 10 ปีเลย " อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว

เปลี่ยนใช้ชุดทดสอบเชื้อเฉพาะมีไข้ แค่เคสละ 400 บาท

นพ. มล.สมชาย กล่าวว่า นอกจากนี้ จะพิจารณาใช้ชุดตรวจทดสอบเบื้องต้นเพื่อใช้ตรวจยืนยันโรคในกลุ่มผู้โดยสาร ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการตรวจกับทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งชุดตรวจทดสอบมีค่าใช้จ่ายเพียง 400 บาท ต่อครั้งซึ่งการตรวจจะใช้กับผู้ที่เดินผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนแล้วมีไข้ และหากพบให้ผลเป็นบวก จึงจะนำมาตรวจยืนยันซ้ำที่ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์

นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 10 กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอาจต้องลดความสำคัญลง เพราะโรคระบาดเข้ามาในประเทศแล้วขณะนี้ไม่มีประเทศใดที่ทำการตรวจไข้หวัด ใหญ่พันธุ์ใหม่ที่ติดเชื้อทุกคน ดังนั้น ต้องปรับวิธีการตรวจใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เสียทรัพยากรจำนวนมากโดยไม่จำเป็นโดยเปลี่ยนเป็นการเน้นสร้าง ความเข้าใจกับประชาชน และสุ่มตรวจเชื้อเพื่อดูแนวโน้มทิศทางที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงของเชื้อเท่า นั้น อย่างในประเทศอเมริกาเปลี่ยนดัชนีชี้วัดการแพร่ระบาดของโรคจากจำนวนผู้ป่วย หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่เป็นผู้ป่วยหวัด

พบผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ฯในไทยอีก95รายยอดรวมพุ่ง405

นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการศูนย์ควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ฯ วันที่ 17 มิถุนายนว่ส ได้รับรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 อีก 95 ราย เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ 3 ราย กลุ่มนักเรียน 88 ราย และประชาชน 4 ราย ส่วนใหญ่รักษาตัวที่บ้าน รับไว้พักรักษาในโรงพยาบาลเพียง 12 ราย ทุกรายอาการดีไม่น่าห่วง

สรุปตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ สะสม 405 ราย เฉลี่ยวันละ 16 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนๆ พบผู้ป่วยจำนวนใกล้เคียงกัน และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอาจจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา

เผยแต่ละปีไทยพบผู้ป่วยหวัดใหญ่ตามฤดูกาล3-4ล้านคน

ทั้งนี้ นักระบาดวิทยาคาดประมาณว่า แต่ละปีไทยพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล 3-4 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล 9 แสนคน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 36,000 คน และมีผู้เสียชีวิตประมาณหลักร้อยหรือหลักพัน ขณะที่ทั่วโลก แต่ละปีพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ประมาณ 1,000 ล้านคน เป็นผู้ป่วยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล 100-200 ล้านคน นอนโรงพยาบาล 3-5 ล้านคน เสียชีวิต 250,000-500,000 ล้านคน

"การที่ไทยพบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นทุกวัน บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของระบบการป้องกันควบคุมโรคของประเทศ มิได้หมายความว่าการทำงานล้มเหลว การตรวจตัวอย่างยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อติดตามแนวโน้มของการแพร่เชื้อ รวมทั้งใช้เป็นฐานข้อมูลวิชาการ ทั้งระดับประเทศและโลก โดยผลการตรวจยืนยันแต่ละวัน อาจพบมากหรือน้อยแตกต่างกัน จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจที่มาของตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงรายวัน" นายแพทย์ปราชญ์ กล่าว

ระบุพบผู้ป่วยติดหวัด09กทม.ระบาดมากสุด ใน32โรงเรียน

นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า พบผู้ป่วยสะสมใน 32 จังหวัด ผู้ป่วยร้อยละ 34 อยู่ในภาคกลาง จำนวนผู้ป่วยมากที่สุดใน กทม. พบเด็กป่วยในโรงเรียน 32 แห่ง ผู้ป่วยทุกรายได้รับการดูแลรักษาเพื่อควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เร่งการป้องกันควบคุมโรค เน้นการประชาสัมพันธ์ความรู้เรื่องโรค การป้องกันตัว การดูแลเมื่อป่วย แก่ประชาชนทุกช่องทาง และใช้หอกระจายข่าวทุกหมู่บ้าน และจะเร่งออกหนังสือปกเขียว "รู้เท่าทันเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่" จำนวน 1 ล้านเล่ม แจกแก่ประชาชนให้ทันภายในวันที่ 19 มิถุนายน

ด้านนายแพทย์ หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ยังคงมีการคัดกรองผู้ป่วยด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน และแจกบัตรแนะนำสุขภาพ แต่จะปรับมาตรการ โดยจะตั้งจุดตรวจรักษา 1 จุด มีแพทย์พยาบาลประจำการ 24 ชั่วโมง โดยติดป้ายประกาศแจ้งผู้โดยสาร ทั้งภาษาไทยและอังกฤษทุกประตู เพื่อแนะนำให้ผู้ที่มีไข้ ไอ มารับการตรวจรักษาที่จุดดังกล่าว หากอาการรุนแรงจะส่งรักษาต่อในโรงพยาบาล ส่วนผู้ที่อาการไม่รุนแรงจะให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวและติดตามอาการทุกวัน ส่วนการกรอกแบบสอบถามสุขภาพ หรือ ต 8 ซึ่งให้ผู้โดยสารกรอกเองก่อนลงเครื่อง จะยกเลิก เนื่องจากการประเมินที่ผ่านมาพบว่าการกรอกข้อมูลไม่ตรงกับความจริงทำให้ ประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังป้องกันโรคน้อย

สาธิตสวนสุนันทาปิด3วัน พบเด็กติดหวัดใหญ่กลุ่มเอ

รศ.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มรภ.สวนสุนันทา) กล่าวว่า ได้สั่งปิดโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรายภัฏสวนสุนันทา ตั้งแต่วันที่ 17-19 มิ.ย. เนื่องจากได้รับแจ้งว่า พบเด็กที่มีอาการเป็นไข้ 1 ราย ซึ่งผู้ปกครองได้นำตัวนักเรียนไปตรวจอาการตั้งแต่วันเสาร์ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ผลปรากฎว่า เด็กติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม เอ ไม่ใช่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ ขณะนี้ผู้ปกครองก็ได้ให้เด็กหยุดพักที่บ้านไม่ได้มาเรียนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การปิดเรียนครั้งนี้ เพื่อความสบายใจของผู้ปกครองหลายคน ที่มีความวิตกกังวล

โรงเรียนในกทม.-ปริมณฑลหยุดเรียน เพิ่มเติม

นายปรีชา จิตรสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 เปิดเผยว่า ในวันนี้มีโรงเรียนแจ้งขอหยุดการเรียนการสอน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มเติม คือ โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก แม้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่พบนักเรียนป่วยมีไข้สูงถึง 17 คน กระจายอยู่หลายห้องเรียน แพทย์เกรงว่าจะควบคุมโรคได้ยาก จึงตัดสินใจหยุดการเรียนสอน ตั้งแต่วันนี้ และจะกลับมาเปิดในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งจาก โรงเรียนนวมินทราชูทิศ สตรีวิทยา 2 ว่า ประกาศปิดเรียนในช่วงเวลาเดียวกันเช่นกัน แต่ยังไม่ยืนยันพบผู้ป่วย ขณะที่ก่อนหน้านี้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สุวินทวงศ์ ซึ่งฝากเรียนไว้ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา น้อมเกล้า ต้องปิดเรียนไปพร้อมกันโดยปริยาย สรุปรวมโรงเรียนที่หยุดเรียนแล้วทั่วประเทศ 24 แห่ง มีนักเรียน นักศึกษา ยืนยันว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ใน 13 สถานศึกษา

ยอดผู้เสียชีวิตจากหวัด2009เพิ่มขึ้นในหลายปท.

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาร์เจนตินา แถลงเมื่อวันอังคารว่า มีผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีก 3 คนทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 4 คนแล้ว หลังจากเพิ่งมีการยืนยันเมื่อวันจันทร์ว่าเด็กทารกวัย 3 เดือนเสียชีวิตด้วยโรคนี้เป็นรายแรกของประเทศ ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 871 คน

ส่วน เม็กซิโกแจ้งยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 คนรวมเป็น 113 คน และผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 6,970 คน และแคนาดา มีผู้เสียชีวิตอีก 2 คนรวมเป็น 9 คนแล้ว และผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4,049 คน

ขณะที่ ซามัว ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยผู้ป่วยรายนี้เป็น 1 ในนักศึกษาและครูชาวออสเตรเลีย ีรวม 29 คนจากโรงเรียนในเมืองเมลเบิร์นที่เดินทางมาทัศนศึกษาที่นี่

ส่วนรัฐฟลอริดาของสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นเด็กชายวัย 9 ขวบ ทำให้ยอดเสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 47 คน และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเมื่อวานนี้อนุมัติเงินฉุกเฉินสำหรับต่อสู้กับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ จำนวน 7,700 ล้านดอลลาร์ โดยเงินก้อนนี้รวมอยู่ในร่างงบประมาณฉุกเฉินทั้งหมด 1 แสน 6 พันล้านดอลลาร์ที่จัดสรรสำหรับใช้ในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน และเป็นเงินสนับสนุนเข้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศด้วย

ป้ายกำกับ:

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อั้ม-พิงค์กี้ ส่อเลิก!! นางเอกเปิดใจงอนใส่




มนต์รักข้ามช่องท่าทางใกล้จะ อวสาน ''อั้ม-พิงค์กี้'' ส่อแววเลิก เจ้าตัวยอมรับ มีทะเลาะ และงอนกันอยู่เป็นประจำ ขณะเดียวกันในโลกไซเบอร์โพสกระหน่ำว่า พระเอกวิกพระราม 4 กับนางเอกสาววิกหมอชิตนั้นตัดสินใจสวมคอนเวิร์ส แยกทางกันเรียบร้อยแล้ว ''หมอกฤษฎ์'' คอนเฟิร์ม ทั้งคู่นิสัยคล้ายกัน มักพูดจาไม่ถนอมน้ำใจทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก

สืบเนื่องจากท่าทางการให้สัมภาษณ์สื่อฯ ครั้งล่าสุดของ ''อั้ม'' อธิชาติ ชุมนานนท์ พระเอกวิกช่อง 3 ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ดูไม่สบอารมณ์ เหมือนกับคนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบคำถาม เมื่อถูกถามถึง ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช หวานใจสาวนางเอกวิก 7 สี เมื่อถูกสอบถามถึงความรู้สึก ที่ ''พิงค์กี้'' กำลังเตรียมตัวจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศอินเดีย แต่ถูกสอบถามถึงเรื่องอื่นกลับมีสีหน้าแช่มชื่น และตอบคำถามสื่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

ขณะ เดียวกันก็มีกระแสข่าวแพร่สะพัดออกมาอย่างต่อเนื่องว่า ทั้งคู่ได้ปิดตำนานมนต์รักข้ามช่องเลิกรากันแล้ว เป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่าทั้งคู่นั้นช่วงหลังทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะ และงอนกันบ่อย จนต่อกันไม่ติด ไม่สามารถกลับมาเป็นคู่รักหวานเจี๊ยบได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

เกี่ยวเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปทาง ''อั้ม-อธิชาติ'' และ ''พิงค์กี้'' แต่ไม่สามารถติดต่อทั้งคู่ได้

อย่างไรก็ตามต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากคนใกล้ชิดนางเอกสาววิก 7 สีว่า ''อั้ม'' กับ ''พิงค์กี้'' นั้นยังไม่ได้เลิกรากันอย่างที่มีกระแสข่าวสะพัดออกมา โดยนางเอกสาวเปรยว่าช่วงนี้มีปัญหากับ ''อั้ม'' จริง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาก็มีเรื่องทะเลาะ และงอนกันบ่อยครั้ง

''มีปัญหาทะเลาะกัน งอนกันบ้าง เป็นเรื่องปกติแต่น้องเขายังไม่ถึงขั้นเลิกรากันนะ ยังคบหากันเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ เขายอมรับว่ามีปัญหากันในช่วงนี้ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม หรือไม่ก็ต้องรอให้น้องเขาเป็นฝ่ายออกมาชี้แจงเอง'' คนใกล้ชิดนางเอกสาวกล่าว

ขณะ ที่ ''หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม'' ได้คอนเฟิร์มดวงของ ''อั้ม-พิงค์กี้'' ว่า หากดูตามดวงของทั้งคู่ ยังไม่เลิกกันแน่นอน แต่ลักษณะนิสัยของทั้งคู่นั้นคล้ายกัน คือมักใช้คำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจกัน พูดจาใส่กันตรงๆ จนอีกฝ่ายนั้นเสียความรู้สึก

ป้ายกำกับ:

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

WHOยกระดับเตือนภัยหวัด2009สู่ขั้นสูงสุดระดับ6


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วันนี้ (12 มิ.ย.) องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สู่ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยยอมรับว่า ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ หลังพบการระบาดจากภูมิภาคอเมริกาเหนือ ไปยังออสเตรเลีย เอเชีย และยุโรป

นอกจากนี้ มีรายงานว่า พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแล้วเกือบ 28,000 ราย ใน 74 ประเทศ ถือเป็นการยกระดับเตือนภัยโรคระบาดครั้งแรกในรอบ 41 ปีขององค์การอนามัยโลก นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ.2511 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 1 ล้านคน

ทั้งนี้ ดร.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ว่า เชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 มีความรุนแรงไม่มากนัก การยกระดับเตือนภัยจึงไม่ได้หมายความว่า จะพบผู้เสียชีวิตหรือผู้ป่วยอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น.

ป้ายกำกับ:

หวัดดุชนิดใหม่ชิดซ้าย 'เอดส์กลายพันธุ์' อันตราย 'ร้ายตัวจริง'


ขณะที่ “ไวรัส” ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ กำลังเขย่าขวัญชาวโลก อันเนื่องจากการ “กลายพันธุ์” เจ้าไวรัสที่ก่อโรคร้ายอีกชนิดหนึ่งก็เพิ่มดีกรีคุกคามชีวิตมนุษยชาติ โดยเริ่มที่ไทย มากขึ้น-ร้ายขึ้น อย่างเงียบเชียบ...

กว่าจะถูกค้นพบและเป็นข่าวขึ้นมา...ก็น่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว...

มันคือ “ไวรัสเอดส์กลายพันธุ์” ที่ร้ายกว่าไวรัสหวัดใหญ่ !!

“เอดส์ (AIDS)” หรือ “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ซึ่งเกิดจากการ ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เดิมก็มีมากกว่า 1 สายพันธุ์อยู่แล้ว ล่าสุด ทีมวิจัยโรงพยาบาลศิริราชได้ตรวจพบหญิงไทย 2 รายติดเอดส์สายพันธุ์ผสม “สายพันธุ์ใหม่” ที่ไม่เคยพบมาก่อน อีกทั้งยังพบถึง 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์เอจี/ดี (AG/D) และ สายพันธุ์เออี/จี (AE/G) ซึ่งที่ผ่านมานั้นเอดส์สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในไนจีเรีย ส่วนสายพันธุ์ในไทยส่วนใหญ่จะเป็นเอ/อี (A/E) ดังนั้น การค้นพบนี้จึงน่ากังวล !!

ทั้งนี้ ข้อมูลจากงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลกราว 33.2 ล้านคน เป็นผู้ใหญ่ประมาณ 30.8 ล้านคน มีผู้หญิงติดเชื้อ 15.4 ล้านคน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ประมาณ 2.5 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 ล้าน คนทั่วโลก คาดว่าจะมีเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-24 ปี ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40

สำหรับในประเทศไทย ในปี 2552 คาดการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ 1,127,168 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มราว 11,753 ราย

กล่าวสำหรับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย แม้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะระบุในเบื้องต้นประมาณว่า “ไม่ได้ร้ายแรงกว่าสายพันธุ์ปกติ” ที่เคยพบ สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่แล้วได้ แต่กระนั้น...การเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น การป้องกันการแพร่ระบาดของเอดส์ในไทย ทั้งสายพันธุ์เดิม และโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงประชาชนคนไทยด้วย

กับเรื่องนี้ รศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ความเข้าใจผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... การพบไวรัสเอชไอวี 2 สายพันธุ์ใหม่ในไทยคือเอจี/ดีกับเออี/จีนั้น ที่จริงก็ถือว่าเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้ในกระบวนการทางจุลชีววิทยาการ กลายพันธุ์ของไวรัส ซึ่งกับเอดส์สาย พันธุ์ประจำถิ่นของไทยสายพันธุ์เก่าอย่างเอ/อี และรวมถึงสายพันธุ์บี (B) จะว่าไปแล้วสายพันธุ์เก่าดั้งเดิมอย่างเอ/อีถือว่าน่ากลัวและดุกว่าทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ

“แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องกังวลก็คือเรื่องการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมามากขึ้นไป อีก เพราะอาจจะทำให้เชื้อไวรัสมีประสิทธิภาพในการต่อต้านหรือ ดื้อต่อยาต้านไวรัสมากขึ้น !!”

หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ม.มหิดล แจกแจงถึงระดับความรุน แรงของเชื้อเอชไอวีแต่ละสายพันธุ์ ต่อไปว่า... ในอดีตการระบุความรุนแรงของเอดส์แต่ละสายพันธุ์ จะดูที่ “อัตราการเสียชีวิต” จากระยะเวลานับตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกาย โดยสายพันธุ์เอ/อีจะเป็นสายพันธุ์ที่ดุกว่าสายพันธุ์บี คือ เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีอัตราการเสียชีวิตภายใน 8 ปี ขณะที่สายพันธุ์บีอยู่ที่ 11 ปี นับตั้งแต่รับเชื้อเข้าไป

แต่ในปัจจุบันใช้วิธีเดิมไม่ได้แล้ว “ต้องดูกันที่เรื่องของอัตราการดื้อยา” แทน ซึ่งโดยปกติเอชไอวีตามธรรมชาติจะไม่ดื้อยา แต่จะดื้อยาก็ ต่อเมื่อใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งเมื่อใช้แล้วเกิดการหยุดยา จีโนม หรือส่วนของโครโมโซมในบางตำแหน่งของไวรัส จะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการดื้อยา แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรใช้ยาต้าน เพราะในทางการแพทย์เมื่อแพทย์ผู้รักษาตรวจพบเชื้อก็จำเป็นต้องให้ยาต้าน เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย ดังนั้น เป้าหมายในการรักษาด้วยการให้ยาต้านคือการควบคุมจำนวนของเชื้อนั่นเอง

ทั้งนี้ กับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ ในเบื้องต้นทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าการดื้อยาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% เช่นเดียว กับสายพันธุ์เดิม อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วสันต์ชี้ว่า... ถ้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกันไปมา และระหว่างสายพันธุ์เก่าดั้งเดิม (สาย พันธุ์เอ/อี กับสายพันธุ์บี) เชื้อก็อาจจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านยาหรือดื้อยามากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นที่ว่านี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง !!

“เพราะเมื่อเกิดการแพร่กระจาย ก็จะไม่สามารถใช้ยาต้านสูตรเก่าได้อีกต่อไป แต่ต้องใช้ยาต้านสูตรใหม่ที่รุนแรงกว่าแทน ซึ่งก็ย่อมจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งกับตัวผู้ป่วยและภาครัฐที่ดูแลรับผิดชอบ รวมถึงจะมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงยาต้านไวรัสตัวใหม่ด้วย !!”

รศ.ดร.วสันต์ยังระบุทิ้งท้ายอีกว่า... หากเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมาจนในตัวเชื้อเอดส์มีสายพันธุ์มากขึ้น เรื่องนี้จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ซึ่งสมมุติว่าค่าใช้จ่ายยาต้านตัวเดิมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเดือน ถ้ามีการดื้อยาจากการกลายพันธุ์จนยาตัวเดิมใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้ยา ตัวใหม่ที่จะมีราคาแพงกว่า ซึ่งราคาที่แพงขึ้นจากเดิมนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-9 เท่า เมื่อย้อนดูสถิติผู้ติดเชื้อ หรือดูแค่เฉพาะจำนวนผู้ที่ได้รับยาต้านอยู่ในปัจจุบันแล้ว (ประมาณ 2 แสนราย) ก็ “ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล”

ลำพังสายพันธุ์เดิม ๆ ก็ “ร้ายสุด ๆ” อยู่แล้ว...ดังที่ทราบกัน

“เอดส์กลายพันธุ์” จึงยิ่งร้าย...หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่น่ะชิดซ้าย

และทั้งเอดส์เก่า-เอดส์ใหม่...ก็ล้วนเป็นเพชฌฆาตทั้งนั้น !!!.

ป้ายกำกับ:

เซ็ง ต๊อด ตื่นสาย!! อั้ม รับ โน้ต สนิทกว่า


''อั้ม-พัชราภา'' รับห่าง ''ต๊อด-ศิณะ'' แล้วหันมาสนิท ''โน้ต-กรวัฒน์'' มากกว่า ชมเทกแคร์เก่ง คุยสนุก นางเอกสาวเผยตกใจมาก ถูกแชะภาพช็อปปิ้งคู่ เมินคนปล่อยภาพกอด เชื่อ ''เจนี่'' เปล่าทำ

หลังจากที่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการควง ''โน้ต-กรวัฒน์'' ไปเดินช็อปปิ้งที่เซ็นทรัล เวิลด์ จนถูกช่างภาพรุมแชะ นางเอกสาว ''อั้ม'' พัชราภา ไชยเชื้อ ต้องวิ่งหนีกระเจิง ไปเมื่อวันก่อน ทำให้หลายคนชักจะสงสัยว่าตอนนี้อั้มสนิทสนมกับหนุ่มโน้ตมากเกินหน้าเกินตาหวานใจคนเก่าอย่าง ''ต๊อด'' ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ แล้วตกลงความสัมพันธ์รักสามเส้า เราสามคนเป็นอย่างไรกันแน่

ล่าสุดนางเอกสาว ได้มาร่วมงานเปิดตัว ''ไทยแลนด์ บอลรูม เฟสติวัล'' ครั้งที่ 4 ที่ลานด้านหน้าเซ็นทรัล เวิลด์ ซึ่งงานนี้สาวอั้มแปลงร่างเป็นกินรี ลอยตัวด้วยลูกโป่งสร้างความฮือฮาให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา เมื่องานเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามถึงความรู้สึที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ก่อน ซึ่งนางเอกสาวเผยว่า

''วันนี้ตื่นเต้นมากๆ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับค่ะ ตื่นเต้นมาหลายวันมาก ตอนขึ้นไปกลัวค่ะ กลัวมาก พี่เขาบอกประมาณ 3 เมตร แต่ขึ้นจริง 6 เมตร อยากจะยิ้มนะ แต่กระตุกปากได้นิดหนึ่ง แต่พอหลายครั้งก็ไม่กลัวเท่าไหร่แล้ว ก็ไหว้พระก่อนมา (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ เคยขึ้นสลิง ตอนนั้นมันไม่คิดอะไร ตีลังกาไปเลย''

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงวันที่เดินควงหนุ่มโน้ตทันทีว่า ทำไมวันนั้นต้องวิ่งหนี เรื่องนี้สาวอั้มเผยว่า

''ปกติไม่ค่อยควงใครไปไหนเท่าไหร่ จริงๆ แล้วลงรถหน้าถนนใหญ่แล้วเดินเข้ามา'' เรียกว่าควงมาเปิดตัวไหม

''ไม่ได้เปิดค่ะ เพียงแต่เรามาด้วยกัน แต่ยังไม่อยากถ่ายรูปด้วยกันเท่านั้นเอง'' วันนั้นโน้ตว่าอย่างไรบ้าง ''กระเจิงเลยค่ะ อั้มเดินรอบห้างคนเดียว พวกพี่วิ่ง อั้มก็วิ่ง ตกใจมาก อยู่มานานไม่เคยเจอพี่นักข่าวงานไหนเลย วิ่งไปแล้วก็หันกลับมายิ้ม เสร็จแล้ววิ่งต่อดีกว่า เท้าก็เจ็บ เดินรอบห้างคนเดียว โน้ตออกไปริมถนนใหญ่ไปไหนก็ไม่รู้ คือเรามาที่เดียวตั้งใจมาซื้อไม้แบดฯ''

ต่อข้อถามว่าความสัมพันธ์กับต๊อดตอนนี้เรียกว่าห่างหรือเปล่า อั้มเผยว่า ''ก็ห่างค่ะ แต่ว่าคุยกันอยู่ ไม่รู้ว่าอะไร แต่ไม่เจอกันแล้ว'' สนิทกับโน้ตมากกว่าไหม ''ก็สนิทหมดแหละค่ะ เอาเป็นว่ายังคุยกันอยู่ แต่ว่าห่างๆ กันแล้ว แต่ยังคุยโทรศัพท์กันอยู่'' ยังเรียกว่าแฟนอยู่ไหม ''คือเรารู้จักกันมานาน คุยอะไรได้มากกว่า'' แล้วความสัมพันธ์กับโน้ตตอนนี้ ''คุยกันค่ะ โน้ตเป็นคนตลก คุยสนุกสนานดี'' สนิทพิเศษไหม ''ก็คุยๆ กันค่ะ'' เมื่อไหร่จะเรียกว่าแฟน ''โห ยังค่ะยัง'' เทกแคร์ดีไหม ''ดีค่ะ ถามว่าเอาใจเก่งกว่าต๊อดไหม ไม่รู้ค่ะ ต๊อดเป็นบางช่วงเวลา ต๊อดชอบตื่นสาย จะไม่ได้ไปไหนด้วยกัน ตื่นก็ 4-6 โมงแล้ว'' ชอบโน้ตตรงไหน ''คุยตลกค่ะ เขาเป็นคนไม่ค่อยว่าใคร ไม่ว่าต๊อด โน้ตหรือว่าทุกคนที่อั้มรูจัก อั้มไม่ชอบผู้ชายที่ว่าคนอื่น''

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงภาพหลุดระหว่างโน้ตกับอั้มที่กอดกัน ซึ่งนางเอกสาวชี้แจงว่า ''จริงแล้วมันมีแค่กล้องอั้มกล้องเดียว รูปอั้มก็อยู่ในบ้าน'' มีคนบอกว่า เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นคนปล่อย ''ไม่จริงค่ะ เจนี่ไม่เกี่ยวเลย'' จะ ตามล่าหาคนปล่อยภาพหรือเปล่า ''ไม่ตามค่ะ รู้อยู่แล้วว่าต้องมี แต่เจ้าของร้านคงไม่เกี่ยวค่ะ คือเราล้างร้านนี้ประจำ ค่อนข้างไว้ใจเลยแหละ เดี๋ยวนี้เวลาล้างจะจดไว้เลยว่ารูปนี้ล้างเมื่อไหร่ที่ไหน อันนี้เรามั่นใจว่ามีเราคนเดียวที่มีรูป ถ้าคนอื่นไปลงเฟซบุ๊กอะไรแบบนี้'' จะเปลี่ยนร้านอัดไหม ''เอามาปรินต์เองที่บ้านดีกว่า โทร.ถามเจ้าของร้านแล้ว แต่เขาไม่รู้เรื่อง'' อั้มกล่าว

ป้ายกำกับ:

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อาหารที่ควรระวัง


ปลาทะเลน้ำลึกสะสมโลหะหนัก ผักมียาฆ่าแมลง ผลไม้เคลือบแว็กซ์ นี่คืออันตรายจากอาหารที่เราต้องระวังและรู้ให้เท่าทัน


ปลาทะเลตัวใหญ่มีโลหะหนักมากกว่าปลาตัวเล็ก
ปลาตัวใหญ่ เช่น ปลาทูน่าเป็นปลาที่สะสมโลหะหนักมากกว่าปลาตัวเล็กหรือปลาที่มีไขมันต่ำ แต่เนื่องจากเราควรได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะสตรีตั้งครรภ์ จึงจำเป็นต้องกินปลาทะเล ควรเลือกกินปลาตัวเล็กก็น่าจะเสี่ยงภัยน้อยกว่า


ไม่ควรกินเห็ดป่าบ่อย
เห็ดสดที่เพาะจากฟาร์มไม่มีอันตราย แต่เห็ดป่าอาจมีโลหะหนักที่ได้มาจากรากเห็ด โดยเฉพาะเห็ดที่ขึ้นใกล้กับแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม


สารพิษติดอยู่กับเปลือกผลไม้และผัก
การปอกเปลือกผลไม้และผักทิ้งก็เท่ากับเราทิ้งสารอาหารที่มีคุณค่าออกไป การถนอมวิตามินก็คือ ปล่อยให้น้ำไหลชะล้างสารพิษจากผลไม้และผัก พร้อมกับใช้แปรงขัดถูไปด้วย


สารก่อมะเร็ง
สารก่อมะเร็ง Acrylamide มีมากในอาหารที่กรุบกรอบ เช่น ขนมขบเคี้ยว อาหารโปรตีนที่ผ่านความร้อนสูง หรือมันฝรั่งกรุบกรอบ


ชาเขียวจากประเทศใดปลอดยาฆ่าแมลง
การปลูกชาในประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนมีการฉีดยาฆ่าแมลง จึงเป็นไปได้ว่าชาจากสองประเทศนี้ยังมียาฆ่าแมลงหลงเหลืออยู่ ชาที่ค่อนข้างปลอดภัยคือชาชีวภาพจากประเทศอินเดีย เนื่องจากมีการควบคุมอย่างเข้มงวดเพราะประเทศอังกฤษมีการสั่งนำเข้า


เครื่องดื่ม Sugar Free
น้ำดำ ลูกอม หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่บอกว่าปราศจากน้ำตาล แต่เราก็ต้องระวังไม่บริโภคมากเกินไป เพราะสาร Cyclamate ที่ให้ความหวานเป็นสารก่อมะเร็ง และน้ำตาลเทียมจะทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ สาร Aspartame ยังทำให้การย่อยอาหารมีปัญหา ดังนั้น จึงไม่ควรกินหวานบ่อย หรือหากจะกินก็ควรกินน้ำตาลแท้ๆ จะดีกว่า


นมไขมันต่ำดีมั้ย
แหล่งผลิตนมอาจมีสารพิษจากสิ่งแวดล้อมซึ่งมีอยู่ในไขมัน นมหรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ นอกจากจะช่วยให้รูปร่างเพรียวแล้ว มันยังให้โทษน้อยกว่า และข้อดีก็คือ การทำให้โยเกิร์ตข้นเหมือนครีมก็มักใช้กากใยที่ดีต่อสุขภาพมาช่วยเสริม

ป้ายกำกับ:

เธอให้น้องสาวของเธอโชว์กำลังภายใน เอ้างง!



q*002


ป้ายกำกับ:

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แอบถ่ายสาวกสิกร

ป้ายกำกับ:

สยอง!สาวมะกัน ฆ่าควักเด็ก สวมรอยเป็นแม่


รู้จักกับเหยื่อทางเว็บไซต์เคร็กลิสต์ ก่อนล่อไปฆาตกรรมที่บ้านพัก เพื่อเอาเด็กมาสวมรอยเป็นแม่ แต่เด็กไม่หายใจ จึงแจ้งตร.ให้มาช่วย บังเอิญเจ้าหน้าที่พบพิรุธจึงตรวจค้นบ้านจนพบศพเหยื่อ..

สำนักข่าว ต่างประเทศรายงานวันนี้ (10 มิ.ย.) ตามเวลาในประเทศไทย ว่า เกิดเหตุสยองตำรวจเมืองฮิลล์สโบโร รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐฯ พบหญิงท้องแก่ใกล้คลอดวัย 21 ปี ทราบชื่อต่อมาว่า นางฮีทเตอร์ สตีฟลี เสียชีวิตในสภาพศพถูกผ่าท้องควักทารกเพศชายไปด้วย เหตุเกิดภายในบ้านพักหลังหนึ่ง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาฆาตกรรมกับโคเรนา โรเบิร์ตส์ อายุ 27 ปี เจ้าของบ้าน ฐานฆ่านางสตีฟลี หลังตำรวจได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากเธอว่าที่อ้างว่าลูกชายของเธอไม่ หายใจ และเสียชีวิตแต่หมอที่ไปพร้อมกับตำรวจ พบว่า โรเบิร์ตส์ ไม่ได้เป็นแม่ของเด็ก และไม่เคยตั้งท้อง ขณะที่โรเบิร์ตส์กลับอ้างว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเธอ ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นภายในบ้านกระทั่งพบศพ สตีฟลี ที่บ้านดังกล่าว ส่วนเด็กทารกนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเด็กเสียชีวิตก่อนหรือหลังจากที่ฆาตกรลงมือ

เบื้อง ต้นทางตำรวจคาดว่าโรเบิร์ตส์บอกกับเพื่อนและคนในบ้านเมื่อหลายเดือนก่อนว่า ตนเองท้อง จึงเป็นไปได้ว่าโรเบิร์ตส์ ติดต่อกับผู้หญิงที่ใกล้เป็นแม่คน แล้วหาโอกาสเหมาะลงมือสังหารเหยื่อเพื่อเอาเด็กในท้องสวมรอยเป็นแม่

นาง ไฮดี คิดด์ แม่ของสตีฟลี ให้การกับตำรวจว่า ลูกสาวของเธอย้ายจากรัฐแมรีแลนด์ไปอยู่ที่รัฐโอเรกอน เพราะสามีและพ่อสามีได้งานทำที่ดีกว่า ซึ่งก็เพิ่งแจ้งกับตำรวจว่าสตีฟลีหายไปจากบ้านตั้งแต่คืนวันศุกร์ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนโรเบิร์ตส์นั้นสตีฟลีรู้จักผ่านสื่อออนไลน์หาเพื่อนทางเว็บไซต์ เคร็กลิสต์เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน โดยบอกกับโรเบิร์ตส์ว่ากำลังมีลูกแล้วอยากได้เสื้อผ้าเด็กอ่อน แต่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับลูกสาวและหลานของตนเองที่เตรียมตั้งชื่อ ไว้แล้วว่า จอห์น สตีเวน

ป้ายกำกับ:

ชายตั้งท้องให้กำเนิดลูกคนที่2 เป็นเพศชาย


ว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ รายงานว่า สาวแปลงเพศเป็นชายชาวมะกัน สร้างความฮือฮาอีกรอบ ได้ให้กำเนิดลูกคนที่ 2 เป็นเพศชาย หลังจากคลอดลูกสาวเมื่อปีที่ผ่านมา ...

สำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานวันนี้ (10 มิ.ย.) นายโธมัส บีตตี้ หญิงแปลงเพศเป็นผู้ชายชาวอเมริกัน วัย 35 ปี ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ได้ให้กำเนิดลูกคนที่ 2 หลังจากให้กำเนิดลูกคนแรกไปเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2551 ล่าสุดเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ รายงานว่า นายโธมัส บีตตี้ ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายหลังแปลงเพศและตัด หน้าอกทิ้ง ได้ให้กำเนิดลูกคนที่ 2 เมื่อวานนี้ เป็นทารกเพศชาย

นาย โธมัส ได้คลอดลูกสาวจากการผสมเทียม เพื่อต้องการมีทายาท เนื่องจากนางแนนซี่ ภรรยาของเธอมีปัญหาไม่สามารถมีบุตรได้ ด้วยการใช้สเปิร์มของผู้บริจาค และไข่ของนางแนนซี่ภรรยา หลังจากที่เขาได้ผ่าตัดแปลงเพศเมื่อ 10 ปีก่อน แม้ว่าหลายคนอาจรู้สึกสับสนกับชีวิตของนายบีตี ซึ่งเป็นสาวอเมริกันแปลงเพศเป็นชาย แต่ยังให้กำเนิดลูกได้อีก แต่นายบีตี กลับไม่ได้รู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงขณะตั้งครรภ์ แค่รู้สึกว่า ตนเองเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถมีลูกได้ก็เท่านั้น

ป้ายกำกับ:

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"ป๋อ"แย้มข่าวดีอีกไม่ไกล โล่งอก"เอ๋"ถูกใจพ่อแม่


ว่างจากคิวถ่ายละคร "รุกฆาต" ทางช่อง 7 ป๋อ- ณัฐวุฒิ สกิดใจ ก็มาเดินสายโปรโมตโฆษณากาแฟกระป๋อง D-7 งานนี้เลยเข้าล็อกคว้าตัวมาถามถึงเรื่องที่พาแฟนดาราสาวจอมโก๊ะ เอ๋-พรทิพย์ หรือ "น้องกุนเชียง" นิกเนมที่ ป๋อ ชอบเรียกไปพบกับพ่อแม่ที่เพชรบุรี หรือว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้? "ผมว่าคนทั่วไปรู้แล้วเรื่องผมกับเอ๋ เพียงแต่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม จริงๆผมก็ไม่ได้ปิด เพียงแต่ผมไม่ได้ไปเดินห้างเหมือนคนอื่นไง ผมก็ใช้ชีวิตของผมไปเดินตลาด ผมจะใช้ชีวิตอยู่แถวชานเมือง เพราะบ้านผมอยู่แถวนั้น แล้วก็แปลกเวลาว่างเจอกับเอ๋ก็ไม่มีปาปาราซซี่ เดินหลายทีไม่เห็นเจอซักที" แล้วมีภาพออกมายังงี้แฟนคลับจะว่ายังไง? "แฟนคลับก็น่ารักนะ เค้าจะพูดกับเราทำนองว่าเออดีนะ เมื่อไหร่แต่งคบกันมาตั้งนาน ตอนแรกเราก็กลัวว่าแฟนคลับจะมีปฏิกิริยา แต่สิ่งที่เราได้ยินกลับมามันบวกหมดเลย ทุกคนรู้ว่าถ้าเกิดพี่ป๋อรู้สึกดีกับใครก็รู้สึกดีด้วย เราก็คบกันมาตั้ง 6 ปี ไม่ค่อยพูดเรื่องนี้เท่าไหร่จนถึงวันนี้พูดมากขึ้น ต่อไปอาจจะมีสิ่งที่ดีกว่านี้ก็ได้ใครจะรู้"

พ่อแม่ป๋อแฮปปี้เอ๋ มั้ย? "พ่อแม่ผมโอเคครับ พ่อบอกว่าดูๆไป แต่ว่าดูแลน้องให้ดีด้วย เพราะเราเป็นผู้ชายนะ เราพูดมากมันไม่เสียหายหรอก ต่างกับผู้หญิงนึกออกใช่มั้ย" ป๋อเริ่มพาเอ๋ไปแนะนำให้พ่อแม่รู้จักหลังจากคบกันนานแค่ไหน "ตอนแรกผมบอกท่านก่อนว่าดูน้องคนนี้อยู่ เค้าปล่อยให้เราตัดสินใจ 3-4 ปี เราถึงเริ่มค่อยๆเจอกัน คนนี้โอเคนะ" เวลาเอ๋เจอพ่อแม่ป๋อเป็นยังไงบ้างล่ะ "เขาธรรมชาติๆ ตัวเอ๋มีความเป็นธรรมชาติสูง เค้าเป็นคนรักครอบครัว รักสัตว์ และพ่อแม่ พี่น้อง มุมนี้เราจะเห็นได้เลยว่าเวลาสะท้อนกลับมาพ่อแม่เรา เค้าจะมีความรู้สึกอยากจะดูแลพ่อแม่เราเหมือนพ่อแม่เค้า เพราะฉะนั้นเราก็แอบมองอยู่เหมือนกันว่า มีปฏิกิริยายังไงเวลาเจอกัน ซึ่งก็ดีครับ พ่อแม่ผมรู้สึกไม่ขัดเขิน และไม่ได้มองเอ๋เป็นดาราเลย มองเป็นลูกมากกว่า" ทำให้โล่งอก "ใช่ๆเข้ากับที่บ้านได้ดีเลย แม้แต่ตัวผมเองเวลาไปเจอพ่อแม่เอ๋ก็ดีนะ เรียกได้ว่าเปิดเผย เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เวลาว่างเราก็ไปทานข้าว แม่ทำกับข้าวไก่ทอดให้กิน" พอเปิดตัวสบาย ใจ เวลาไปไหนมาไหน "สบายใจขึ้น เวลาที่เราสามารถใช้เวลาพิสูจน์สถานภาพ เราใช้เวลา 6 ปี พี่ๆสื่ออาจจะเบื่อว่าผมตอบเหมือนเดิมมันต้องใช้เวลา ซึ่งตอนนี้ก็พูดได้แล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานที่จะไปไกลกว่านั้นต้องอีกนิด มันต้องหลายฝ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย แต่อีกไม่นานเกินรอ" ภายใน 1-2 ปี? "ติดตามแล้วกันไม่ไกลครับ (อมยิ้ม)".

ป้ายกำกับ:

อุจจาระตกค้าง(โปรดระวัง)

อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก

1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใย น้อย
3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบ ทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำ ไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอ มาจ่อปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึ หลัง 7 โมงเช้า ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วง เวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้วเราก็หยุด แต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก แต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวาร ทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว

อุจจาระที่ค้างไว้นี้ ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ > พวกที่ค้างแข็งไว้ก็เกาะติดแน่น
ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อยๆ > อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆ ในกระเพาะ และ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัว อ่อนเพลีย
นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และ อื่น ๆ

คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ
บางศพ มีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล > การ นำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องสาเหตุว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่ม ก็จะรู้ได้ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ

ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้
1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน
เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา > ทานเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ

2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร) และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า
ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือ ตามที่เห็นสมควร

3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบ ผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา


สำหรับผู้ที่สงสัยว่าระบบดูดซึมเสีย ให้ดูสูตร ชามะละกอ

ป้ายกำกับ:

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วิธีการอบรมเลี้ยงลูกให้เสียคน 14 ประการ


1.จงให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กขอ
2.ติเตียนเด็กของท่าน ต่อหน้ามิตรสหาย
3.อ้างว่า สุดวิสัยที่จะแก้ไขเด็กของท่าน
4.บอกเด็กว่า ตอนท่านเป็นเด็กก็ประพฤติเกะกะเกเร
5.แม่พูดตำหนิพ่อ พ่อพูดตำหนิแม่ ต่อหน้าเด็ก
6.พ่อแม่ทะเลาะกัน ด่าแช่งกัน ต่อหน้าเด็ก
7.คนหนึ่งลงโทษ แต่อีกคนหนึ่งยกโทษให้เด็ก
8.ปล่อยให้ลูกคบเพื่อนชั่ว
9.ปล่อยให้เด็กใช้เงินทอง ตามใจชอบ ทุกสิ่ทุกอย่าง
10.ปล่อยให้เด็กดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ตามใจเด็ก
11.ปล่อยให้เด็ก กลับบ้านตามเวลาที่เด็กอยากกลับ
12.ทำโทษเด็กเพราะเด็กทำผิดเล็ก ๆ น้อย แต่ปล่อยปละละเลย เมื่อเด็กทำผิดสำคัญ
13.พูดตำหนิครูอาจารย์ ต่อหน้าเด็ก
14.ปล่อยปละละเลยเรื่องสุขภาพของเด็ก

ป้ายกำกับ:

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ฟ้อง50ล้าน"เอ๋-บ๊วย"ใบ้กิน"ไผ่"เอาผิด



''ไผ่ วันพอยท์'' ลูกนักการเมืองชื่อดัง ส่งทนายความ ฟ้องสองพิธีกร ''คันปาก''บ๊วย-เอ๋ ฐานหมิ่นประมาท พร้อมเตรียมฟ้องแพ่งต่อ เรียกค่าเสียหายช่อง 7 และสองพิธีกรไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน ด้าน 2 พิธีกรวอนยังไม่ขอพูดถึงเรื่องคดีความดังกล่าว แจงให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ เพราะตนเองทำตามหน้าที่เท่านั้น วงในเผยผู้ใหญ่ในช่องสั่งทุกคนปิดปากเงียบ ห้ามพูดถึงเรื่องคดีทั้งสิ้น


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน ศาลอาญา ถ.รัชดา นายไผ่ ลิกค์ อายุ 31 ปี หรือ ''ไผ่ วันพอยท์'' อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.กำแพงเพชร ลูกชายนายเรืองวิทย์ ลิกค์ อดีต รมช.มหาดไทย และส.ส.กำแพงเพชร ได้มอบอำนาจให้ นายยุทธนา ณ ชนก ตระกูลสม หรือ นายสนั่น วาริทสวัสดิ์ คนใดคนหนึ่ง เป็นผู้ฟ้องดำเนินคดีแทนโจทก์ เพื่อยื่นฟ้อง นายเชษฐวุฒิ หรือ บ๊วย วัชรคุณ และ น.ส.พรทิพย์ หรือ เอ๋ วงศ์กิจจานนท์ สองดาราพิธีกรชื่อดัง ในรายการ ''คันปาก'' ทางโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา


ตามคำฟ้องระบุพฤติกรรมสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 52 เวลากลางวัน และวันที่ 27 พ.ค. 52 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1 และ 2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการคันปากได้กล่าวออกอากาศเสนอข้อความอันเป็น เท็จทำนองว่า นางสาวหยาดทิพย์ ราชปาล ดารานักแสดงและนางแบบชื่อดัง ได้หนีออกจากบ้านมาอยู่กับโจทก์เพื่อเสพยาเสพติด จนมารดา (นางสาวชินพรรณ ราชปาล) ต้องชวนเพื่อนบ้านออกตามหา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะผู้ที่ชมรายการคิดว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี มีพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังทำให้เข้าใจว่าบ้านพักของโจทก์เป็นที่มั่วสุมเสพยาเสพติดหรือ พัวพันการค้ายาเสพติดอีกด้วย ส่งผลให้เสียคะแนนนิยมจนกระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า และเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงศ์ตระกูลของโจทก์เป็นอย่างมาก โดยโจทก์ไม่เคยกระทำผิดศีลธรรม หรือกระทำผิดกฎหมายอย่างที่จำเลยกล่าวอ้าง


การใส่ความดังกล่าวของจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่ได้เป็นการเสนอข่าวโดยสุจริต มิได้ติชมด้วยความเป็นธรรม ทำการเสนอข่าวโดยมิได้ตรวจสอบความจริงแต่ประการใด เนื่องจากพิธีกรร่วมในรายการคือ นางสาวศรีพรรณ หรืออ้น ชื่นชมบูรณ์ ยังได้กล่าวในรายการให้พวกจำเลยทราบแล้วด้วยว่า ข่าวดังกล่าวมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือไม่ได้ แต่พวกจำเลยก็ยังนำมาออกอากาศอีก


เหตุเกิดที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. และตำบลแขวง อำเภอ หรือเขตแดนทุกจังหวัดประเทศไทย ศาลพิจารณารับคำฟ้องโจทก์แล้วนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ 31 ส.ค. นี้



ด้านนาย สนั่น วาริทสวัสดิ์ ผู้รับมอบอำนาจกล่าวว่า ตนเองได้รับมอบอำนาจจากคุณไผ่ให้มาทำการฟ้องคดีนี้ ส่วนทนายในคดีนี้เป็นคุณสาคร ศิริชัย วัตถุประสงค์ในการฟ้องในครั้งนี้ ทางผู้ใหญ่คือท่านเรืองวิทย์ ลิกค์ บิดาของคุณไผ่ ซึ่งเป็นอดีตส.ส.และอดีตรัฐมนตรี ท่านเห็นว่าการกระทบกระทั่งกันในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เสียหายมาก เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ในแวดวงทางการเมือง และเพื่อปกป้องเกียรติยศ ในตระกูลลิกค์ที่ไม่เคยมีการประวัติเกี่ยวกับการเสพยาเสพติดหรือพัวพันมา ก่อนโดยเฉพาะคุณไผ่จึงเห็นสมควรที่ดำเนินการฟ้องร้องในคดีนี้


ส่วนนายสาคร ศิริชัย ทนายความกล่าวว่า ''มูลเหตุของคดีนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ช่วงประมาณวันที่ 19-20 พฤษภาคม มีสื่อบางสื่อระบุว่ามีข่าวเรื่องของคุณหยาดทิพย์ ที่หนีไปเสพยาหรือว่าหนีไปบ้านของไฮโซคนหนึ่ง จากกระแสข่าวที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ปรากฏชัด และกระแสข่าวที่ออกมาก็ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน จากการตรวจสอบสื่อต่างๆที่ผมตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 19 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม มีหนังสือพิมพ์บางฉบับลง มีสื่อบันเทิงบางช่องลงแต่ก็ไม่ระบุชัดเจน มาปรากฏทางรายการคันปากในวันที่ 22 เวลาเช้า คุณบ๊วยได้พูดชัดเจนเกี่ยวกับชื่อของคุณหยาดและคุณไผ่ว่าคุณหยาดหนีคุณแม่ไป บ้านคุณไผ่ โดยบอกว่าไม่ได้หนีไปอย่างเดียว แต่หนีไปอัพยา อันนี้คือวันที่ 22 หลังจากนั้นมาก็มีกระแสข่าวหนังสือพิมพ์ลงบ้างแต่ก็ไม่ชัด และก็มาปรากฏเหตุการณ์วันที่ 27 อีก ที่คุณเอ๋เป็นคนพูดชัดเจนเข้าไปอีกว่าไปอัพยาไปเล่นยาที่บ้านของคุณไผ่ วันพอยท์ ปรกติคุณไผ่เองมีข่าวบ้างกับสุภาพสตรีแต่ก็ไม่ได้อยากปรากฏเป็นสื่อ แต่ข่าวเรื่องของการเสพยาเสพติดถือเป็นเรื่องที่รุนแรงของคุณไผ่ เพราะเป็นทายาทนักการเมืองและตัวคุณไผ่เองก็เป็นนักการเมืองด้วยจึงเป็นมูล เหตุของการฟ้องในคดีนี้ ซึ่งในคดีนี้ผมฟ้องสองคน คือคุณบ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ เป็นจำเลยที่ 1 และคุณเอ๋ พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ เป็นจำเลยที่ 2''


ต่อข้อถามว่าทำไมถึงเลือกฟ้องสองพิธีกรนี้ นายสาคร ทนายความกล่าวว่า ''คือดูจากพยานหลักฐานที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าคนไหนพูดจริงๆ เราถึงฟ้อง คนไหนที่เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดถือว่าคนนั้นไม่ได้กระทำความผิด ก็ไม่ได้ฟ้องไป ฟ้องนี่ฟ้องคนพูดมีหลักฐานชัดเจนมีเทปบันทึกเสียงชัดเจน วันที่ 22 พฤษภาคม คุณบ๊วยเป็นคนพูดพิธีกรในวันนั้นมีคุณกิ๊ก, คุณบ๊วยและคุณเอ๋ ส่วนวันที่ 27 พิธีกรร่วมรายการในวันนั้นก็มีคุณเอ๋, คุณอ้นและคุณเอมมี่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคนพูดเพียงคนเดียว ผมก็ฟ้องทีละคน ส่วนในเรื่องค่าเสียหายนะครับ ในวันนี้ยังไม่ได้ฟ้องมาแต่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อจะฟ้องร้องโดยเราจะฟ้อง เจ้าของรายการคือช่อง 7 เป็นจำเลยร่วมด้วยในการฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ซึ่งกำลังรวบรวมพยานหลักฐานและฟ้องในต่อไป โดยฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นช่อง 7 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็คือคุณบ๊วยกับคุณเอ๋ตามลำดับกันมา''


ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องค่าเสียหายคาดว่าประมาณเท่าไร ทนายสาครกล่าวว่า ''คิดว่าคงฟ้องน่าจะประมาณ 50 ล้าน ขึ้นไป เพราะเรื่องนี้มันเสียหายมาก เพราะว่าคุณไผ่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.กำแพงเพชรในสมัยที่ผ่านมา ได้คะแนนเสียงถึง 74,000คะแนน ซึ่งเป็นพลังเสียงที่บริสุทธิ์จริงๆ ข่าวที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ประชาชนในจังหวัดกำแพงเพชร และคนที่เคารพเชื่อถือในตระกูล ลิกค์ของคุณไผ่เองสอบถามกันมามันสร้างความเสียหายมากจนเราจำเป็นต้องฟ้อง เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้''


ต่อข้อถามว่าทางฝ่ายนั้นได้มีการติดต่อขอประนีประนอมยอมความหรือเปล่า ทนายสาครตอบว่า ''ในชั้นนี้ ก่อนฟ้องคดีผมไม่ได้มีการประกาศก่อน สื่อพึ่งทราบเมื่อตอนเย็นเมื่อวานนี้ คือหลังจากผมรวบรวมคำฟ้องพร้อมที่จะฟ้องผมถึงได้แจ้งไปว่าผมจะฟ้อง แต่ผมไม่ได้ประกาศหรือขู่ว่าจะฟ้อง และต่อจากนี้ไปที่มีสื่อไหนที่เสนอข่าวในลักษณะเดียว ต่อไปนี้นะครับ ที่ผ่านมาเราถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ใครที่เสนอข่าวในลักษณะนี้เป็นไปในเชิงลบ ผมก็คงจะไม่ละเว้นนะครับ เพราะคุณไผ่เองเขาไม่ได้อยากให้มีการปรากฏชื่อในส่วนของข่าวบันเทิงอีก''


ต่อข้อถามว่าจะมีการไกล่เกลี่ยไหมทนายความสาครตอบว่า ''การไกล่เกลี่ย ณ ขณะนี้คุณไผ่ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่และให้ถึงที่สุด ส่วนการไกล่เกลี่ยหรือไม่ยังไงเป็นการตัดสินใจของครอบครัวคุณไผ่เอง เพราะเป็นเรื่องของทางครอบครัวเขา แต่เราก็ไม่ได้ปิดทางอะไรเราอยากเห็นการแสดงความรับผิดชอบ เพราะว่าช่อง 7 ก็เป็นที่ทราบดีว่ารายการคันปาก เป็นรายการที่มีผลเฉพาะต่อฐานคะแนนเสียงประชาชนโดยตรง เพราะเรตติ้งมีคนดูหลายล้านคน และก็มีการสื่อสารไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย มีการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งในขณะนี้ถ้าเราไปกดดูย้อนหลังของวันที่ 22 วันที่ 27 ยังมีเทปตัวนี้เผยแพร่อยู่ตลอดเวลา''


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องในคดีแพ่งเมื่อไหร่ ทนายสาครตอบว่า ''คงจะดำเนินการเร็วๆ นี้ รอสัญญาณจากทางครอบครัวคุณไผ่ และตอนนี้เขาแจ้งมาแล้วว่าให้รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องในคดีแพ่ง''



ต่อข้อถาม หยาดได้มาปรึกษากับทางนี้ด้วยหรือเปล่า นายสาครทนายความกล่าวว่า ''ทางตัวคุณหยาดเองผมมองว่าสื่อที่เสนอข่าวคุณหยาดเองได้มีการพูดต่อสารธารณ ชน แต่ทางคุณไผ่เองอยู่ในฝ่ายที่ตั้งรับอย่างเดียวไม่มีโอกาสได้แก้ตัว ต้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งอย่างเดียว''


ต่อข้อถามว่าเตรียมพยานไว้กี่ปาก ทนายสาครตอบว่า ''เตรียมไว้ 10 ปาก เป็นดารากี่ปากตรงนี้ต้องขอสงวนไว้ก่อน แต่ที่แน่ๆ มีคุณหยาด ในส่วนของต้นตอของข่าวลือผมก็จะเรียกมาด้วย ผมให้ความเป็นธรรมนะครับ ที่เขาอ้างว่าเอามาจากรายการวิทยุสื่อใดสื่อหนึ่ง ผมเรียกมาเป็นพยานศาล ผมมีหลักฐานส่วนหนึ่งแล้วมันไม่ชัดเจน หากมีการระบุชัดเจนว่าเป็นคุณไผ่คุณหยาดตามที่เป็นข่าวเหมือนที่รายการคัน ปากเขาบอกอันนี้ผมฟ้องแน่นอนครับ''


ต่อข้อถามว่าศาลจะนัดมาอีกทีเมื่อไหร่ นายสาครทนายความตอบว่า ''นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 31 สิงหาคม 2552 เวลา 09.00น. ที่ศาลอาญารัชดา ก่อนหน้าวันที่ 31 อาจมีการนัดไกล่เกลี่ยซึ่งเป็นตามระบบของกระบวนการยุติธรรม เมื่อคดีอยู่ในศาลเราก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด'' นายสาคร ทนายความกล่าว


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อ่ข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อที่จะสอบถามความคืบหน้าเรื่องคดีดังกล่าว จาก 2 พิธีกร ''เอ๋-พรทิพย์'' และ ''บ๊วย-เชษฐวุฒิ'' แต่ปรากฏว่าทั้งคู่ยังคงปิดปากเงียบ ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับคดีดังกล่าวทั้งสิ้น



''ยังไงก็คงต้องรอให้ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจก่อนนะครับ ว่าจะดำเนินยังไงต่อไป ไม่ว่ายังไงผมก็อยากให้เคลียร์เหมือนกัน ตอนที่รู้ข่าวก็รู้สึกแปลกนิดๆ เพียงแต่ผมเองก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับใครเลย ยังไงก็ต้องรอทางผู้ใหญ่นะครับ อีกสักพักเดี๋ยวก็คงจะแถลงนะครับ รอสักพักหนึ่ง'' บ๊วยกล่าว


ทั้งนี้ ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาอีกด้วยว่า ในวันศุกร์ที่ 5 มิ.ย. 52 เวลาประมาณ 08.30 น. จะมีการแถลงข่าวของ 2 พิธีกร ''บ๊วย-เอ๋'' ณ ช่อง 7 ที่รายการ ''คันปาก'' แต่เมื่อผู้สื่อข่าว ''สยามดารา'' ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากแหล่งข่าววงในรายการ ''คันปาก'' ปรากฏว่าแหล่งข่าวได้ชี้แจงว่างานแถลงข่าวดังกล่าวจะไม่มีทั้งสิ้น เนื่องจากผู้ใหญ่สั่งรูดซิปปาก


''เรื่องแถลงข่าววันที่ 5 มิ.ย. เหรอ จริงๆ ก็ไม่มีแถลงข่าวอะไรทั้งนั้นเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่านักข่าวไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน เพราะทางรายการแล้วก็ทางช่องยังไม่ได้สรุปอะไรเลย รู้แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีให้ใครออกมาพูดให้เงียบไว้ เพราะเป็นคำสั่งผู้ใหญ่ว่ายังไม่ให้พูดอะไรทั้งนั้น อาจจะต้องรออีกสักพักแหละ'' แหล่งข่าววงในรายการคันปากกล่าว

ป้ายกำกับ:

"เป้ สเลอ"หวิดสลบ "ก้อย"ใจร้ายกว่า "แจ๋ว"


ฮอตระเบิดไปแล้วสำหรับ "คุณชายเทวดา" เป้-อารักษ์ ที่โดดมาเล่นละคร "แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา" เป็นเรื่องแรก แต่ที่เห็น "เฮี้ยว" ในละครนั้น ตัวจริง "แสบ" กว่าหลาย เท่า เจ้าตัวเผยหมดเปลือกว่าเกเรจนแม่ร้องไห้ โฮๆ ก่อนที่จะกลับตัวกลับใจกลายเป็น "เด็กดี" ของพ่อแม่เหมือนในละครเปี๊ยบ นอกจากนี้ "หวานใจตัวจริง" ก้อย-รัชวิน ยังขอยืนยันว่าถูก เป้ คุกเข่าขอความรักเหมือนฉากที่ คุณชาย คุกเข่าขอความรัก แจ๋ว ในละครเด๊ะ แต่ ก้อย สิกลับ "ใจร้าย" กว่า แจ๋ว เพราะใจแข็งให้ เป้ คุกเข่าอยู่ในครัวจนเหงื่อแตกพลั่กๆ ก่อนจะใจอ่อนยอม "เป็นแฟน" งานนี้ เป้ บอกว่า "คุ้มครับ!!" แต่ว่ากำลังหวานอยู่ดีๆ ก็วงแตก เพราะมี "สาวน้อย" นางหนึ่งโผล่มากลางเวที การันตีว่า "สัมพันธ์ลึกซึ้ง" กว่า ก้อย เยอะ ทำเอา เป้ ทรุดฮวบหมดฟอร์ม--จากนั้นไปดูสาวฮอต อั้ม-พัชราภา ควง หนุ่มกิมจิ สวีทหวานไม่แพ้กันใน "วันวานยังหวานอยู่" ศุกร์นี้ 5 ทุ่ม ช่อง 7 สี.

ป้ายกำกับ:

“นร.สาวไทย” ขอโทษ ไม่ตั้งใจแหกตา ยัน เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองได้รางวัล ด้าน “ปรัชญา” โดดป้อง อ้างเจ้าตัวภาษาไทยไม่แตกฉาน


“อุ้ม” นร.สาวไทย ขอโทษ กรณีให้ข่าวว่าตัวเองได้รางวัลหนังสั้นที่คานส์ ยัน ไม่ตั้งใจโกหก อ้าง เป็นเพราะเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองได้รางวัล ออกปากเสียใจ ที่ทำให้หลายฝ่ายเสียหาย ก่อนรับ เครียดจนร้องไห้ทุกวัน ด้าน “ปรัชญา” โดดป้อง สาวอุ้มภาษาไทยไม่แตกฉาน จึงทำให้การสื่อสารผิดพลาด ปฏิเสธมีส่วนรู้เห็น ย้ำ เพิ่งรู้เหมือนกัน

กลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปซะงั้น สำหรับข่าวคราวที่ "อุ้ม พรภัชญา สุพรรณรัตน์" นักเรียนสาวไทยวัย 24 ปี ไปคว้ารางวัล "Best Student Film" และ "Official Selection" จากหนัง "Revenge Tragedies" และ "Unfaithfully Yours" จากเทศกาลภาพยนตร์ "คานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล 2009" ที่จัดขึ้นในวันที่ 13-24 พ.ค.ที่ประเทศฝรั่งเศส จนเป็นข่าวดังกระหึ่มสร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ ไปเมื่อหลายวันก่อน

กระทั่งถูกสื่อจ่อคิวสัมภาษณ์ยาวเหยียด ส่งผลให้ชื่อเสียงโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ต่างๆ พร้อมกับนำหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ เป็นการยืนยันว่าข่าวการได้รับรางวัลของเธอไม่เป็นความจริง ทั้งหมดเป็นเรื่องแหกตาทั้งเพ

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกดดันให้เธอ จนกระทั่งต้องออกมาสารภาพผิดด้วยตัวเอง กลางรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ทางช่อง3 ซึ่งดำเนินรายการโดย "วิศาล ดิลกวณิช" เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่าทั้ง 2 รางวัล เป็นเรื่องเข้าใจผิดของการสื่อสารที่ผิดพลาดเท่านั้น ซึ่งก็ทำเอาคนไทยผิดหวังไปตามๆ กัน

ล่าสุด เจ้าตัวได้เดินทางมาเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ที่ โรงหนังเฮ้าส์ อาร์ซีเอ(House Rca) พร้อมด้วย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ “ศรีรัตน์ นุชนิยม” ซึ่งเป็นตัวแทนมาจากสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ โดยเจ้าตัวได้เปิดชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังเรื่อง Revenge Tragedies ไปให้กับเอเจนซี่ ที่จัดส่งหนังเข้าประกวดในเทศกาลต่างๆ รวมแล้วกว่า 23 เทศกาล แต่ที่เมืองคานส์เป็นเพียงการนำไปฉายที่บูธ เพื่อให้คนมาดูและวิจารณ์ผลงานเฉยๆ ไม่ได้ส่งเข้าประกวดแต่อย่างใด

ส่วนต้นเหตุของการเข้าใจผิด เธอบอกว่ามาจากคำว่า Best Student Film ซึ่งคำดังกล่าวเป็นคำชมของคนดูที่ส่งมาทางอีเมล์ ไม่ได้หมายถึงการได้รับรางวัล อย่างที่ตัวเองเข้าใจแต่อย่างใด ทั้งนี้เจ้าตัวบอกว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ด้านปรัชญาออกตัวแทน อีกฝ่ายไม่เจตนาโกหกหลอกลวง แต่เป็นเพราะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษาไทย

ปรัชญา : “ก่อนอื่นขอพูดจากใจจริงผมเลยนะว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมขอแสดงความเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ก็คุยกับน้องแล้ว ผมอธิบายกับน้องแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ดีทีสุดคือน้องต้องออกมาพูดจากใจจริงวันนี้ ยอมรับว่ามีความผิดอยู่แล้ว ผิดที่ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายขนาดนี้ แต่ว่าผิดยังไงให้น้องเขากล่าวจากใจอีกทีดีกว่า”

“ระหว่างผมกับน้องเขา เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปอเมริกา แล้วมีคนแนะนำให้รู้จักกับน้องเพราะน้องเรียนภาพยนตร์ที่นั่น และจากการที่ได้รู้จักกัน ทำให้ผมเห็นมุมมองและทำให้มีโอกาสเห็นผลงานของเขา เป็นหนังสั้น ตอนนั้นเขาทำเสร็จแล้วหนึ่งเรื่อง แล้วหนังสั้นเรื่องนั้นก็เป็นหนังสั้นที่โดดเด่นในห้องเรียนของเขา เพื่อนๆ ในห้องก็โหวตให้ว่าหนังสั้นของน้องอุ้มเป็นหนังสั้นที่ทุกคนยอมรับ เพื่อนๆ ก็ปรบมือให้อันดับหนึ่งเพราะดีที่สุด แล้วเท่าที่ผมดูก็ถือว่าดี ความเป็นผู้หญิงอายุเท่านี้ บวกกับหนังสั้นที่ออกมาผมพอใจ”

“หลังจากนั้นน้องอุ้มก็เดินทางกลับมาเมืองไทย เพื่อการทำหนังสั้นเรื่องที่สอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อจะจบ ผมก็เลยเป็นโปรดิวเซอร์หนังเรื่องนั้นให้ สคริปและการกำกับเป็นของน้องอุ้ม พอเสร็จผมได้ดูเป็นบางส่วน เพราะมีการตัดแบบหยาบๆ ออกมา เพื่อที่จะส่งอาจารย์ก่อนที่จะบินกลับ เพราะว่าเรื่องไข้หวัดหมู และผมรู้สึกชอบเรื่องที่สองมากกว่าเรื่องแรก ทำให้ไอเดียที่น้องบอกว่าถ้าเรียนจบอยากกลับมาทำหนัง มันก็เลยถูกพูดคุยกันต่อมาเรื่อยๆ”

“ผลสุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจจะทำหนังกับน้องอุ้มครับ ส่วนผมจะเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และได้มีการพูดคุยกับเสี่ยเจียงแล้ว และเสี่ยเจียงก็สนใจแล้ว แต่ทั้งหมดเพิ่งเป็นการคุยกันไปเมื่อไม่นานนี้เอง ซึ่งในเบื้องต้นเสี่ยเจียงอนุมัติแล้ว และจะต้องมีขั้นตอนต่างๆ ต่อไป แต่หลังจากโปรเจ็กต์อนุมัติแล้ว ถึงเกิดเรื่องการให้สัมภาษณ์ของน้องอุ้ม และมีข่าวว่าน้องชนะรางวัลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ และหลังจากที่ผมพบกับน้องอุ้มมา และเราคุยกันมาตลอด ส่วนตัวผมไม่เคยสนใจหนังสั้นของน้องอุ้มที่ส่งไปในเทศกาลเลย คือน้องก็มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ ว่าส่งไปที่นั่นส่งไปที่นี่”

“ซึ่งน้องก็บอกว่าเขาตอบกลับมาเรื่องนั้นเรื่องนี้นะ ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจตรงนั้นเลย ไม่ได้เอามาดูว่ามันได้ที่ไหนบ้าง ได้จริงไม่จริง เนื่องจากว่ามันน่าจะเป็นไปได้ เพราะเห็นผลงานเขาแล้ว จึงเชื่อว่าเป็นไปได้ ผมยังรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่เห็นน้องอุ้มขยันทำหนังสั้น แล้วขยันส่งเทศกาล ผมยังแอบมองเลยว่า ถ้ากลับมาบ้านเราแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีที่มีเด็กมีโอกาสแบบนี้ เป็นเรื่องที่ดีของวงการหนังไทย ว่าคนที่ทำหนังสั้นแล้วรู้จักที่จะนำผลงานส่งไปตามเทศกาลต่างๆ เพราะหลายๆ เทศกาลเขาเปิดรับอยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดผมไม่ได้ไปรู้อะไรกับน้องอุ้มเลย เพราะผมไม่ได้สนใจ ผมสนใจเขาจากผลงานและจากการคุย”

“ผมขายโปรเจ็กต์กับเสี่ยเจียงผ่านคืนวันที่ 21 พอวันที่ 22 น้องอุ้มเขาจัดงานวันเกิด ผมก็เลยเอาข่าวดีนี้ไปเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา แล้ววันที่ 24 หนังสือพิมพ์ข่าวสดก็นัดน้องอุ้มสัมภาษณ์ เรื่องเรียนเรื่องอะไร แล้วตอนสัมภาษณ์น้องอุ้มก็เล่าเรื่องคานส์ เล่าเรื่องอะไรที่ไปเจอมา แล้วทำให้ลงข่าวว่าน้องอุ้มได้รับรางวัล แล้วเช้าวันที่ 25 ตอนตีสี่ผมก็ได้ดูทีวีช่อง3 ก็เอาข่าวที่พาดหัวน้องอุ้มชนะรางวัลมาออกทีวี ผมยังตกใจเลย ว่าน้องอุ้มได้รางวัลเหรอ น้องอุ้มชนะเหรอ ตอนแรกผมก็เชื่อว่าน้องอุ้มได้รางวัล ผมก็ดีใจไปด้วย”

“หลังจากนั้นพอกลางวันวันที่ 25 ก็มีรายการทีวีติดต่อขอสัมภาษณ์น้องอุ้มมากขึ้น ไอ้เรื่องขอสัมภาษณ์ผมไม่ไปยุ่งกับน้องอุ้มเลยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวเขา หลายๆ สื่อก็ติดต่อตรงไปที่น้อง แต่พอตกเย็นวันที่ 25 น้องอุ้มโทร.หาผม เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่ามันมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาไม่ได้พูดชัดเจนว่าความเข้าใจผิดคืออะไร แต่ที่แน่ๆ คือเกี่ยวกับคานส์ ปกติผมจะยุ่งมากๆ เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยมีเวลาคุยกับน้องอุ้มเท่าไหร่”

“แต่น้องบอกว่าสงสัยจะมีปัญหารึเปล่ากับรางวัลที่คานส์ ผมก็ถาม แต่จับใจความได้ไม่ค่อยชัดว่าน้องอุ้มพูดว่าอะไร แต่ผมก็บอกว่าตรงนี้สำคัญมาก ให้ไปเช็คในอินเตอร์เน็ต ว่ารางวัลที่น้องอุ้มว่ามามันเป็นรางวัลอะไร ซึ่งเท่าที่ผมจับใจความได้ก็คือ Best Student Film คำๆ นี้ส่วนตัวผมก็คิดว่ารางวัลชนะเลิศ แต่ที่น้องอุ้มอธิบายมาคือ คำว่า Best อะไรก็ตาม บางทีมันไม่ได้มีแค่รางวัลเดียว อย่างเช่นมี 10 รางวัล ก็ Best ทั้ง 10 เลย น้องก็เล่าให้ผมฟังแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังเข้าใจอยู่ว่าน้องได้รางวัลที่คานส์”

“ผมก็เลยแนะนำไปว่าไปเช็คอินเตอร์เน็ต แต่ว่าหาข้อมูลไม่เจอว่าเป็นรางวัลอะไร น้องอุ้มก็หาไม่เจอ แล้ววันที่ 26 มีคิวสัมภาษณ์เยอะเหมือนกัน ผมก็เลยแนะนำไปว่าให้น้องออกตัวก่อนว่า รางวัลที่คานส์อาจจะไม่ใช่รางวัลเดียวนะ แต่ว่ารางวัลเป็นยังไงน้องอุ้มยังไม่รู้ ให้แจ้งสื่อด้วย และย้ำตลอดว่าตรงนี้สำคัญมากๆ นะ เพราะเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกัน เดี๋ยวจะหาว่าเราโมเม”

“วันที่ 25 รายการของคุณวิศาล(ดิลกวณิช) ซึ่งคุณวิศาลก็ต้องอ่านจากข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์ ว่าน้องอุ้มได้รางวัล เพื่อให้คนไทยแสดงความยินดีที่น้องได้รับรางวัล ทีนี้วันที่ 26 คุณวิศาลอยากสัมภาษณ์น้องอุ้มเอง น้องก็มาเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่ได้ยุ่ง ก็ปล่อยให้เขาไป แต่เราก็ได้ย้ำไปอีกว่าให้อธิบายรางวัลที่เกี่ยวกับคานส์ ว่าไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะ ซึ่งใช้เวลานานเหมือนกันในการอธิบาย ว่าความเข้าใจผิดมันจะเป็นยังไง แต่น้องอุ้มเขาก็คิดว่าในเมื่อคำว่า Best Film มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว”

“ผมยอมรับอย่างนึงว่า ตั้งแต่รู้จักกันมา เรื่องภาษาไทยของน้องจะใช้คำผิดอยู่เรื่อย เป็นเรื่องของคำนะครับ ไม่ได้เป็นทั้งประโยค อย่างเช่นคำเรียกผมว่าอา แต่ว่า ต้อม ยุทธเลิศ กับ อ็อด บัณฑิต เขาอายุน้อยกว่าผม แต่น้องเรียกว่าลุง คือเขาเข้าใจคำว่าอากับลุงสลับกัน มีหลายคำที่ผมจำไม่ได้ แต่ผมยืนยันได้ว่าข้างในไม่มีอะไร การใช้ภาษาไทยเขามีปัญหามาตลอด ส่วนตัวผมเรื่องนี้มองว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่การไปออกสื่อมันเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งก็ยอมรับว่าข้อมูลที่พูดออกไปถือว่าผิด แต่ไม่ได้ผิดทั้งหมด แต่มีอะไรที่ผิดบ้าง อะไรที่ถูกบ้างอยากให้น้องอธิบายด้วยตัวเขาเอง”

“บางคนสงสัยว่าทำไมถึงเพิ่งออกมาพูดวันนี้ ในเมื่อเรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 25 ที่ผมรู้เรื่อง แต่ผมยืนยันนะว่าตอนนั้นเขาได้รางวัลอยู่ ก็เลยคิดว่าให้น้องแก้ข่าวด้วยตัวเขาเองตั้งแต่วันที่ 26 แล้วพอวันที่ 27 ผมก็เริ่มเห็นข้อมูลอะไรที่มากกว่านั้น เริ่มเห็นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต อ่านแล้วรู้สึกว่ามันต้องเป็นปัญหาแล้ว แต่ว่าวันที่ 27 ผมไปเชียงใหม่แล้ว ซึ่งก็บอกน้องไปว่าหลังจากวันที่ 27 ให้หยุดสัมภาษณ์ก่อน แล้วก็กลับมาทำความเข้าใจกับข้อมูลทั้งหมด จากที่ไม่เคยสนใจเลย ดูทั้งจากข้อมูลและความเห็นจากหลายๆ ที่ จากนั้นวันที่ 28 ผมนัดน้องเคลียร์ทุกอย่างกันสองคน ซึ่งตอนนั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้รับรางวัลที่คานส์แน่ๆ แล้วผมก็เริ่มประเมินสถานการณ์ว่ามันเริ่มไม่ดี มันหนักมาก ผ่านไปหลายวันแล้วด้วยยิ่งหนักไปใหญ่เลย คือน้องอุ้มต้องขอโทษแล้วล่ะ”

ป้ายกำกับ:

อ้อม-พิยดาสละโสด'เต๋า'ฉลองสมรส!



ประกาศสละโสดพร้อมกัน 2 คู่ พระเอก-นางเอกชื่อดัง "อ้อม-พิยดา เต๋า-สมชาย"เผยนางเอกสาวเตรียมเข้าพิธีหมั้นกับว่าที่เจ้าบ่าว แฟนหนุ่มนอกวงการ ต้นเดือน ก.ค.นี้ “เปี๊ยก-พิศาล” เปรย ดีใจลูกสาวสุดที่รักประสบความสำเร็จในชีวิต การันตีลูกเขยติดดิน นิสัยดี ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ขณะที่งานวิวาห์รอบสองของหนุ่มเต๋า มีการจองโรงแรมเพนนินซูลา ฉลองสมรส วันที่ 14 มิ.ย.นี้แน่นอน เจ้าตัวอุบเงียบ ง่วนเดินสายแจกการ์ดผู้หลักผู้ใหญ่

เกี่ยวกับการประกาศงานวิวาห์ของคนในวงการบันเทิงที่ก่อนหน้านี้ เต๋า-สมชาย เข็มกลัด พระเอกชื่อดังได้ควงแขน ยุ้ย-อัฐมาศ อัศววิมล ภรรยาสาวไปจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้วเมื่อ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยยังไม่ได้กำหนดวัน หรือสถานที่ที่จะจัดงานวิวาห์รอบสองแต่อย่างใด ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคนในวงการบันเทิงเตรียมสละโสดเข้าพิธีแต่งงานถึง 2 คู่ด้วยกัน คู่แรกพระเอกคนดัง เต๋า-สมชาย เข็มกลัด กำหนดงานฉลองสมรสวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ที่สนามหญ้าริมน้ำ โรงแรมเพนนินซูลา ย่านคลองสาน โดยตอนนี้เต๋า-สมชาย กำลังวุ่นกับการเตรียมงาน-แจกการ์ดเชิญแขกผู้ใหญ่อยู่

เต๋า-สมชาย ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า ตอนนี้เริ่มแจกการ์ดแล้ว แต่ยังไม่บอกวัน-เวลา-สถานที่ หากใกล้กำหนดจะแจ้งให้สื่อทราบอีกครั้ง ส่วนตัวแล้วงานจะจัดเล็ก ๆ เชิญคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น ไม่ได้ จัดใหญ่โตแต่อย่างใด ส่วนเรื่องสื่อนั้นจะจัดห้องให้อยู่ในบริเวณ แต่รับรองว่าทุกฉบับได้รูปแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวออกไปทำให้มีคนจับตาตนกับคุณยุ้ยมาก ซึ่งว่าที่เจ้าสาวขอให้ตนเป็นคนให้ข้อมูลกับสื่อทั้งหมด

สำหรับคู่ต่อไปคือ นางเอกสาวชื่อดัง อ้อม-พิยดา อัครเศรณี กำลังสละโสดเข้าพิธีหมั้นช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ กับว่าที่เจ้าบ่าว อาร์ท-ศรา จุฑารัตนกุล แฟนหนุ่มนอกวงการที่คบหากันมา 2 ปี ทั้งนี้พิธีหมั้นจะจัดงานที่บ้านของนางเอกสาว ย่านวิภาวดีรังสิต โดยเชิญญาติพี่น้อง และคนในครอบครัวเท่านั้น ส่วนงานแต่งงานยังไม่กำหนด แน่นอน เนื่องจากต้องรอสำนักพระราชวังก่อน เพราะทั้งคู่ทำเรื่องขอพระราชทานน้ำสังข์ อย่างไร ก็ตามจากการขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับพิธีวิวาห์ นางเอกสาวคนสวยยังไม่พร้อมที่จะให้รายละเอียด อ้างว่าต้องรอให้กำหนดการทุกอย่างพร้อมก่อน จากนั้นจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ

เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี พ่อดารา สาว-ผู้กำกับชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ว่า “ดีใจที่ลูกสาวที่รักมาก ประสบความสำเร็จในชีวิต ต้อง บอกว่าเขาเป็นคนดีเจอแฟนที่ดี สาเหตุที่ผมรู้ว่าฝ่ายชายเป็นคนดี เพราะเคยเจอกันมาแล้ว 5-6 ครั้ง มีโอกาสได้กินข้าว และได้ไปเที่ยวต่าง จังหวัดด้วยกัน จึงรู้ว่าเขาเป็นคนติดดิน ไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ฝ่ายชาย เป็นคนดีมาก ๆ เข้าใจในความรักของลูก ส่วนรายละเอียดวันหมั้นนั้นอีก 1 อาทิตย์น่าจะทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมงานอยู่ ที่สำคัญขึ้นอยู่กับฝ่ายชายด้วย”.

ป้ายกำกับ:

ช็อกไทยติดอีก3หวัดสายพันธุ์ใหม่รับเชื้อในปท.

กระทรวงสาธารณสุข นั่งไม่ติดออกโรงแถลง ข้อมูลการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 เผยพบคนไทยติดเชื้อรวดเดียว 3 ราย วุ่นหนักพบ 2 ราย เป็นการแพร่เชื้อกันเองภายในประเทศ นับเป็นครั้งแรก โดยเป็นการแพร่จากผู้เป็นแม่ ที่เดินทางไปเที่ยวสหรัฐ และกลับมาแพร่ให้ลูกในเมืองไทย

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไข สถาน การณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและพิจารณาปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงาน ของประเทศให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไข สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และถือเป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่

โดยการดำเนินงานเน้น 3 เรื่อง คือ 1.ความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการป้องกันควบคุมโรค โดยการให้ความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคและวิธีปฏิบัติตนในการดูแลตนเอง 2.ความโปร่งใสในการรายงานโรคและมาตรการป้องกันควบคุมโรค และ 3.การลดผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม

ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รมว. สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ติด ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ อย่างใกล้ชิด และมีการปรับมาตรการดำเนินงานให้เหมาะสมตลอดเวลา คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในอนาคต จะขยายวงกว้างต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด โดยทิศทางการแพร่ระบาดในทุกประเทศจะเป็นไปใน 3 ระยะคือ ระยะแรก (สถานการณ์ A) มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศและเดินทางเข้ามาในประเทศ การควบคุมทำได้โดยการแยกรักษา ให้ยาผู้สัมผัสเท่าที่จำเป็น ระยะต่อมา (สถานการณ์ B) เริ่มมีการแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งหากควบคุมได้ดี การระบาดจะอยู่ในวงจำกัด พบผู้ป่วยจำนวนหลายสิบคนหรือไม่เกินร้อย แต่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน การควบคุมจะใช้มาตรการล้อมกรอบคือ ให้ยาทั้งผู้ป่วยและผู้สัมผัสโดยไม่ต้องตรวจยืนยัน หยุดเรียนหรือหยุดงาน แยกผู้ป่วยให้อยู่ในบ้าน เป็นต้น

ส่วนระยะต่อไป (สถานการณ์ C) มีการแพร่ระบาดขยายต่อไปในวงกว้างภายในประเทศ มีการแพร่ระบาดข้ามเมืองหรือทั้งประเทศ มีผู้ป่วยจำนวนหลายพันหรือหลายหมื่นคน มาตรการ จะใช้วิธีลดผลกระทบ เช่น เน้นดูเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ให้เฉพาะผู้ที่ป่วยหยุดเรียนหรือ หยุดงาน แทนการหยุดทั้งหมด

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในวันนี้ไทยพบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เพิ่มอีก 3 ราย นับเป็นรายที่ 6, 7 และ 8 โดยรายที่ 6 เป็นหญิงไทย อายุ 49 ปี เป็นภรรยาของผู้ป่วยยืนยันรายหนึ่ง มีประวัติเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน เริ่มมีอาการปวดเมื่อยร่างกาย ระคายคอ ไม่มีไข้ ขณะเดินทางกลับไทยเมื่อ 25 พ.ค. ไปรับการตรวจรักษาที่ รพ. ขณะนี้อาการหายดีแล้ว ขณะเดียวกันลูกชายอายุ 19 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ก็ติดเชื้อด้วยเนื่องจากเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด นับเป็นรายที่ 7 ส่วนรายที่ 8 เป็นหญิงไทยอายุ 20 ปี เริ่มมีอาการเจ็บคอ ก่อนออกเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ถึงประเทศไทยวันที่ 1 มิ.ย. เริ่มมีอาการคัดจมูก ไอ ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.

“จากการพบการติดเชื้อในประเทศ ทำให้ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศ จึงเริ่มพบผู้ติดเชื้อในประเทศ ซึ่งติดจากผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ การดำเนินงานจะต้องเน้นการป้องกันการแพร่เชื้อในประเทศ เฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามผู้สัมผัสโรคเพื่อป้องกันควบคุมโรค และให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันตนเองและลดการแพร่กระจายเชื้อ” นายวิทยา กล่าว.

ป้ายกำกับ:

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตัวอย่างหนังวงศ์คำเหลา

ป้ายกำกับ:

"อาทิตย์ ริว"รับซุก3ลูก2เมียแจงอำลาวงการ


อดีตพระเอกชื่อดัง “ริว-อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์” ออกสื่อแจงชีวิตหลังหายจากวงการนานหลายปี เผย ตอนอายุ 25 ปี ยายเสียชีวิต ทำให้ขาดความหวัง จึงตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนสาว แจงมีลูกชาย 2 คน ก่อนจะเลิกรากับภรรยาคนแรก แล้วมาอยู่กินกับภรรยาคนที่ 2 มีลูกสาววัย 8 เดือน ย้ำ ไม่คิดปิดบังสื่อแต่หวั่นใจครอบครัวใช้ชีวิตไม่เป็นส่วนตัว ชี้ ทำธุรกิจคาร์แคร์ ร้านอาหาร เป็นที่ปรึกษาบริษัทลงทุน เลี้ยงดูครอบครัว

ที่สตูดิโอ 5 อาคารปฏิบัติการ อสมท เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. อดีตพระเอกชื่อดัง ริว-รัฐตะ อัศวรัฐ หรือ ริว-อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ อายุ 31 ปี เดินทางมาออกรายการไนน์ เอ็นเตอร์เทน หลังจากที่มีกรณีภาพหลุดกับเด็กผู้ชาย 2 คน โดยมีข่าว ลือออกมาว่าอดีตพระเอกชื่อดังแอบซุกลูกเมีย แถมยังมีข่าวออกมาอีกว่าริว-อาทิตย์ มีภรรยา 2 คน มีลูกชาย 2 คนและลูกสาว 1 คน

ริว-อาทิตย์ เปิดเผยว่า เด็กผู้ชาย 2 คนนั้นที่เคยมีรูปหลุดออกมานั้นเป็นลูกของผมเอง คนโตชื่อ ภีม อายุ 6 ขวบ ลูกคนที่ 2 ชื่อเภา อายุ 5 ขวบ ทั้งคู่เป็นลูกของภรรยาคนแรก และลิงค์ลิงค์ อายุ 8 เดือน เป็นลูกที่เกิดกับภรรยาคนที่ 2 สำหรับสาเหตุที่ตนไม่อยากเปิดเผยนั้นเป็นความรู้สึกของคนเป็นพ่อ อยากให้ลูกเติบโตแบบธรรมชาติ ไม่มีชื่อเสียง แต่ตอนนั้นผมก็คิดว่าสักวันหนึ่งความจริงก็จะต้องถูกเปิดเผย เพราะความลับไม่มีในโลกอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยคิดว่าเมื่อไหร่จะออกมาพูด

“จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้มีรูปหลุดของผมและลูกชายหลุดออกมา ตอนนั้นรู้สึกตกใจ พอตั้งสติได้ก็พยายามคิดว่าจะทำอะไรก่อนหรือหลังดี ก็เลยไปพูดกับลูกก่อนว่าเขาจะต้องเจออะไรบ้าง เขาเป็นคนสาธารณะแล้ว แต่จริง ๆ ก่อนหน้านั้นเขาก็รู้ว่าผมเป็นดารา แต่ก็ตามประสาเด็กยังไม่เข้าใจว่าดาราเป็นอย่างไร แต่ก็บอกกับเขาไปว่าไม่ว่าจะอย่างไรพ่อก็รักลูกทุกคน โดยมีลูกคนแรกตอนผมอายุ 25 ปี เพราะตอนนั้นยายของผมเสียชีวิต ทำให้ชีวิต ผมสั่นคลอน ผมจึงคิดว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้ผม อยู่ได้คือลูก จึงได้เข้าพิธีแต่งงานแบบง่ายด้วยการยกน้ำชากับภรรยาคนแรกที่เป็นเพื่อน เรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตด้วยกัน” ริว-อาทิตย์ กล่าว

อดีตพระเอกชื่อดัง กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่ใช่ท้องแล้วแต่ง ถามว่าตั้งใจจะซุกลูกเมียหรือไม่ ตนไม่ได้จะปิดบัง แต่ภรรยาไม่อยากเป็นที่รู้จักของคนอื่น และเขาก็ไม่อยากให้ลูกเจอความกดดัน ตอนนั้นยังอยู่ค่ายอาร์เอส ก็เลยเดินเข้าไปบอกผู้ใหญ่ทางค่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้ใหญ่ปรับแผนในการทำงานใหม่ หลังจากออกจากวงการบันเทิงไปก็สนุกดี ทำให้เรารู้ว่าเงินทุกบาทไม่ได้หากันได้ง่าย ๆ ลำบากกว่าเป็นดาราเยอะ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนอยากทำงานก็จะพยายามคิดอะไรใหม่ ๆ ให้กับบริษัทที่เราไปเป็นที่ปรึกษาให้เขาตลอด

ริว-อาทิตย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หลังอยู่กินกับภรรยาได้ 3 ปี ก็เลิกรากันไป แล้วมาคบกับภรรยาคนที่ 2 ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้อยากมีครอบครัวแล้ว เพราะกลัวความผิดหวัง แต่ประทับใจภรรยาคนที่ 2 เพราะมีความคิดตรงกัน ก็เลยตกลงว่าจะใช้ชีวิตด้วยกัน อย่างไรก็ตามจะดูแลภรรยาทั้ง 2 คน และลูกทั้ง 3 คนเป็นอย่างดีด้วยธุรกิจที่ทำอยู่ ทั้งร้านอาหาร ร้านล้างรถ และเป็นที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนให้กับบริษัทหลาย ๆ แห่ง

ส่วนกรณีที่ร้านบาร์บัสก้าร์ย่านเหม่ง จ๋าย ซึ่งเป็นร้านที่ริว-อาทิตย์ ดำเนินกิจการอยู่ เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถูกขโมยกวาดทรัพย์สินไปเกือบ 100,000 บาทนั้น ริว-อาทิตย์ กล่าวว่า ไม่คิดจะแจ้งความหรือดำเนินการใด ๆ เพราะตอนนี้จับตัวคนร้ายได้แล้ว เป็นลูกน้องในร้านเอง เขาก็เอาของมาคืนครบ ซึ่งตนได้ไล่ลูกน้องคนนั้นออกไปแล้ว

สำหรับริว-อาทิตย์ จบการศึกษาปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เคยเป็นนักแสดงสังกัดค่ายอาร์เอส ผลงานการแสดง ละคร อาทิ รักทะเล้น, วัยร้ายไฮสคูล, วัยร้ายเฟรชชี่, บ้านสีขาวกับดาวดวงเดิม, กาเหว่าที่บางเพลง, ลูกทุ่งหารสอง, รักเราไม่ไฮโซ, เทพธิดาโรงงาน ผลงานภาพยนตร์ อาทิ 303 กลัว/กล้า/อาฆาต, เด็กเดน ผลงานเพลง อาทิ อัลบั้มวัยร้ายไฮสคูล, อัลบั้มวัยร้ายเฟรชชี่ อัลบั้มเทพธิดาโรงงาน และ อั้ลบั้มลูกทุ่งหารสอง.

ป้ายกำกับ:

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ดูแลสุขภาพด้วย น้ำข้าวกล้องงอก



เวลา นี้อาหารสุขภาพยอดฮิตที่ถูกถามหากันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น "น้ำข้าวกล้องงอก" เป็นแน่ เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงปีใหม่มา "น้ำข้าวกล้องงอก" ก็ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเป็นพิเศษ วันนี้กระปุกเลยนำเรื่องราวของข้าวกล้องงอกมาฝาก พร้อมวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยค่ะสำหรับ ข้าวกล้องนี้ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตของคนรักสุขภาพเลยทีเดียว โดยข้าวกล้องนั้น ก็คือข้าวที่ผ่านกรรมวิธีการสีเพียงครั้งเดียว เพื่อให้เปลือก (แกลบ) หลุดออกไป ดังนั้นจึงยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่เป็นสีน้ำตาลและสีแดง (รำ) เหลืออยู่ ต่างจากข้าวประเภทอื่นๆที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวหลุดลอกออกไปหมดแล้ว

จมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) นี่แหละค่ะที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยกรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินซี วิตามินอี สารกาบา (Gamma amino butyric acid) เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่นิยมรับประทานข้าวกล้องมากนัก ด้วยข้าวกล้องจะมีเนื้อแข็ง เพราะมีกากเยอะจึงไม่นิ่มเหมือนข้าวประเภทอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่าทานไม่อร่อยนั่นเอง

ส่วนข้าวกล้องงอก เป็นเรื่องที่เพิ่งได้ยินกันไม่นานนี้เอง ซึ่งข้าวกล้องงอก (Germinated brown rice หรือ GABA-rice) เป็นข้าวกล้องที่ต้องนำมาผ่านกระบวนการงอกเสียก่อน พอนำข้าวกล้องมาแช่น้ำจนกลายเป็นข้าวกล้องงอกแล้ว จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสารกาบา และข้าวกล้องที่แช่น้ำทิ้งไว้แล้วเมื่อนำไปหุงก็จะได้ข้าวที่นุ่มน่ารับ ประทานกว่าข้าวกล้องธรรมดาด้วย"สารกาบา" พระเอกของข้าวกล้องงอก

สารกาบา หรือ Gamma amino butyric acid เป็นกรดอะมิโนจากกระบวนการ Decarboxylation ของ กรดกลูตามิก ( Gutamic acid) กรดนี้มีความสําคัญในการทำหน้าที่สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง และสารกาบายังเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง (Inhibitor) โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยทำให้สมองผ่อนคลายและนอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (Anterior Pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ และเกิดสาร Lipotropic ป้องกันการสะสมไขมัน

จาก การศึกษาและวิจัยพบว่า การบริโภคข้าวกล้องงอกที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง และโรคสูญเสียความทรงจำ หรืออัลไซเมอร์ได้ ดังนั้น จึงได้มีการนำสารกาบามาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ต่างๆ หลายโรค เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก เป็นต้น รวมทั้งผลการวิจัยด้านสุขภาพระบุว่าข้าวกล้องงอกที่ประกอบด้วยสารกาบา มีผลช่วยลดความดันโลหิต ลด LDL (Low Density lipoprotein) ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณดี และใช้บำบัดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางได้อีก
ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก

ประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานข้าวกล้องงอกนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับจากสารกาบา ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้สมองผ่อนคลาย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ บำรุงระบบประสาท หรือลดความดันโลหิตแล้ว การรับประทานข้าวกล้องงอกยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยระบบย่อยอาหาร ช่วยให้สมองผ่อนคลาย นอนหลับสบาย และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ด้วย แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ให้แก่ก่อนวัยได้อีก (สาวๆ ต้องฟังไว้) ถือได้ว่าแค่รับประทานข้าวกล้องงอกก็ครบถ้วนไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่าง กายทั้งสิ้น
ผู้ที่ไม่ควรทานข้าวกล้องงอก

สารต่างๆในข้าวกล้องงอกล้วนมีประโยชน์มากมาย ดังนั้นข้าวกล้องงอกจึงมีประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย ยกเว้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ ที่ไม่ควรรับประทาน เพราะเมล็ดข้าวกล้อง หรือยอดผักต่างๆ ที่กำลังจะงอก จะมีสารยูริคจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกาต์ ซึ่งเป็นโรคเกิดจากการที่มีสารยูริคจำนวนมากสะสมอยู่ตามข้อ จนเกิดการอักเสบนั่นเองวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยตัวเอง

ตบท้ายด้วยขั้นตอนการทำน้ำข้าวกล้องสำหรับรับประทานเอง

1. คัดเลือกข้าวกล้อง โดยข้าวกล้องที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้ดีนั้นจะต้องเป็นข้าวกล้อง ใหม่ ที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ถ้าเป็นข้าวเก่า ส่วนปลายจะไม่สามารถงอกออกมาได้)

2.นำเมล็ดข้าวกล้องใหม่นั้นมาซาวน้ำ ล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง

3.นำข้าวกล้องไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าว

4. จากนั้นนำข้าวขึ้นมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มให้เดือดโดยใช้ไฟปานกลาง แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากไป สารกาบาจะถูกทำลายมาก แต่หากเดือดพอดีแล้วให้เคี่ยวต่อไปสัก 15-20 นาที สารกาบาจะยังเหลืออยู่ถึง 70% ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย

5.เสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขาวบางหรือตะแกรงกรองน้ำข้าวมารับประทานได้ทันที หรือจะเติมเกลือ น้ำตาลเล็กน้อย เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากค่ะ

ท้ายนี้เรามีวิธีหุงข้าวกล้องมาฝากกันค่ะ โดยถ้าอยากหุงข้าวกล้องให้อร่อยนุ่มล่ะก็ จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อย จากนั้นนำไปหุงก็จะได้ข้าวที่นุ่มน่ารับประทาน ซึ่งการหุงข้าวนี้จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไป 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว แต่ถ้าทำเป็นข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะช่วยเพิ่มสารอาหารให้มากขึ้นกว่า 10 เท่า เลยล่ะค่ะ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมลองไปทำน้ำข้าวกล้องงอกทานกันนะคะ เพราะแค่รับประทานข้าวกล้อง หรือ น้ำข้าวกล้องงอก เราก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์ โดยไม่ต้องไปหาซื้ออาหารเสริมมารับประทานเลยล่ะ

ป้ายกำกับ:

ฮวงจุ้ยห้องนอน

ฮวงจุ้ย ห้องนอน สำหรับ บ้าน ที่อยู่อาศัย เพื่อ ฮวงจุ้ยบ้าน และ ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยที่ดี

1. ประตูห้องนอนตรงกับเตียงนอน ไม่ดี

2. ประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำ ไม่ดี จะเกิดโรคภัย ธุรกิจสะดุด

3. ประตูใหญ่ตรงกับประตูห้องนอน จะเกิบเงินไม่อยู่ มีปากเสียง ไม่ดี

4. ประตูห้องนอน ห้ามตรงกับบันได ไม่ดี

5. ประตูห้องส้วม ตรงกับเตียงนอน ไม่ดี

6. ประตูห้องนอน ตรงกับประตูครัว ทำให้เกิดปากเสียงเงินเก็บไม่อยู่ ไม่ดี

7. บันได ตรงกับ ประตูห้องนอน ไม่ดี

8. ห้องนอน ติดกับเตา หรือห้องครัว ไม่ดี

9. ห้องนอนของคนชราควรอยู่ชั้นล่าง เพราะอายุมากกระดูกไขข้อเริ่มเสื่อม

10. ห้องนอน ควรที่จะเก็บแต่เสื้อผ้าใหม่และของใหม่ จะเป็นมงคล

11. ห้องนอน ควรอยู่ให้ถูกกับรหัสราศีของตัวเอง

12. ห้องนอน ผ้าห่ม หมอน ควรที่จะแห้ง สะอาดอยู่เสมอ

13. ห้องนอน อยู่ใต้ห้องน้ำจะเจ็บป่วย

14 .ในห้องนอนเจ้าบ้านควรอยู่ทิศในรหัสราศีของตัวเองถึงจะเป็นมงคล

15. ประตูห้องนอนไม่ควรตรงกับประตูหน้าบ้าน

16. เตียงนอนไม่ควรจะตรงกับประตูห้องน้ำและไม่ควรเป็นห้องเก็บของ จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ

17. เตียงนอนอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ดี ไม่เป็นมงคล

18. ใต้เตียงนอนไม่เหมาะที่จะเก็บถ้วยชามที่ร้าว จะทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ

19. เตียงนอนตรงกับประตู ไม่ดี

20. เตียงนอนห้ามตั้งอยู่บนเตาไฟ จะทำให้คนนอนสุขภาพไม่ดี

21.
เตียงนอนห้ามอยู่ใต้บันได เพราะจะมีคนขึ้นลงอยู่ประจำ

22. การตั้งเตียงเป็นมุมทะแยง ไม่ดี จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ

23. ด้านหัวนอนของเตียงและปลายเท้าห้ามตั้งกระจก

24. ห้ามนอนเอาเท้าหันไปสู่ประตู

25. หิ้งลอย ตู้ลอย ไม่ควรอยู่บนหัวนอน จะทำให้เครียด เกิดโรคทางสมอง

26. ด้านหลังของเตียงเป็นห้องน้ำไม่ดี

27. ห้องนอนอย่าอยู่ หน้าห้องรับแขก

28. กระจกอย่าวางไว้ที่หัวนอน เพราะจะทำให้เสียสุขภาพ

ความสำคัญ

ฮวงจุ้ย ห้องนอน เป็นหนึ่งในสามสิ่งที่ซินแสจำนวนมากให้ความสำคัญ คือ ประตู เตา เตียง ซึ่งเตียงก็เป็นเรื่องในห้องนอนนั่นเอง

ป้ายกำกับ:

วิธีการแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างง่าย

การจัดวางฮวงจุ้ยอาจจะเหมาะ สำหรับบ้านที่ยังไม่ได้ปลูกสร้าง ในกรณีที่เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนหรืออยู่อย่างบ้านจัดสรรทั่วไปอาจจะเป็น เรื่องยาก ซินแสฮวงจุ้ยมีอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ไขฮวงจุ้ยที่ไม่ดีให้กลับดี หรือถ้าดีน้อยก็สามารทำให้ดียิ่งขึ้น แล้วยังช่วยเสริมฮวงจุ้ยได้อีกด้วย อุปกรณ์ที่ว่านี้เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เพียงแต่ให้รู้วิธีเท่านั้น

1. น้ำ ใช้ ได้ทั้งแก้และเสริม น้ำเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหว เป็นตัวกระตุ้นโชคลาภ ซินแสจึงแนะนำว่า จะทำอย่างไรก็ได้ให้มีน้ำอยู่หน้าบ้าน อาจจะเป็นสระน้ำเลี้ยงบัว เลี้ยงปลา หรือเป็นน้ำตกเล็ก ๆ น้ำพุเล็ก ๆ น้ำที่เคลื่อนไหวเหล่านี้จะเป็นตัวดึงพลังจักรวาลให้ไหลเวียนได้สะดวก ที่สำคัญคืออย่าให้น้ำนิ่งเท่านั้นค่ะ เพราะน้ำนิ่งฮวงจุ้ยจะหมายถึงน้ำตาย โชคลาภก็พลอยนิ่งพลอยตายไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องทำให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่น้ำพุ ไม่ใช่น้ำตก ไม่ใช่แม่น้ำลำคลองก็ต้องเลี้ยงปลาในน้ำ เพราะปลาย่อมต้องว่าย ย่อมทำให้น้ำหายนิ่ง ตู้ปลาจึงแสดงบทบาทพระเอกในตอนนี้ได้เต็มบทบาท โดยผู้กำกับคือซินแสจะบอกว่าพระเอกต้องแสดงตรงตำแหน่งทรัพย์ของบ้าน คือควรตั้งตู้ปลาไว้ตรงมุมทแยงกับประตูทางเข้าบ้านหรือหามุมทแยงไม่ได้ก็ให้ ตั้งในห้องรับแขกก็ใช้ได้ นั่น คือน้ำในบทบาทช่วยเสริมโชคลาภ แต่ในส่วนที่จะแก้ฮวงจุ้ยนั้น จะใช้น้ำในกรณีสถานที่นั้น ๆ ตั้งอยู่ในตำแหน่งศรพิฆาต ข้อนี้ต้องอาศัยซินแสเป็นผู้บอก เช่น ที่เห็นอาคารสำนักงานใหญ่ ภัตตาคารใหญ่ ๆ หรือโรงแรมใหญ่ ๆ มักสร้างน้ำพุใหญ่ ๆ ไว้ด้านหน้านั้น อาจจะได้รับคำแนะนำให้สร้างเพื่อลดทอนพลังพิฆาตที่พุ่งเข้าสู่อาคารให้อ่อน ตัวลง ทั้งยังเพิ่มความสดชื่นและสวยงามให้แก่บริเวณหน้าอาคารอีกด้วย

wather1.jpg

2. ตู้ปลา ตามหลักฮวงจุ้ยตู้ปลาให้ความหมายเป็น 2 ลักษณะ คือกระตุ้นพลังให้เกิดขึ้น กับป้องกันสิ่งที่ชั่วร้ายที่จะมาพิฆาต เรียกว่าใช้ได้ทั้งแก้และเสริมฮวงจุ้ยให้ดีเหมือนน้ำ จะใช้ตู้ปลาในกรณีที่บ้านอยู่ทางสามแพร่งหรือถูกศรพิฆาตให้ตั้งตู้ปลาใน ตำแหน่งพิฆาตนั้น แต่ปลาที่จะเลี้ยงในตู้ที่จะต้านพิฆาตได้นั้นให้ใช้ปลาสีดำ จะได้ผลดีกว่า โดยไม่กำหนดว่าเป็นปลาอะไรหรือจำนวนต้องกี่ตัว เพียงแต่ว่าถ้าเมื่อใดปลาในตู้ตาย ให้รีบนำปลามาใส่แทนทันที มิเช่นนั้นเจ้าของบ้านอาจได้รับเคราะห์
treeluck.jpg
3. กระจกเงา คือ อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่จะใช้แก้ฮวงจุ้ย กรณีซินแสตรวจสอบพบว่าบ้านหลังนั้น จะว่าฮวงจุ้ยเสียหรืออัปมงคลก็ไม่เชิง แต่ว่าอิทธิพลที่จะช่วยส่งเสริมให้บ้านนี้ดีนั้นอยู่ห่างเกินไป จึงให้ใช้กระจกดึงอิทธิพลนั้นให้เข้ามาในบ้าน ให้มาสร้างพลังดี ๆ ในบ้าน เราจึงมักเห็นบ้านชาวจีนแขวนกระจกเงาไว้เหนือประตูบ้าน กระจกเงานี้เป็นกระจกเงาแปดเหลี่ยมขนาดเล็ก ซึ่งมีเครื่องหมายตรีลักษณ์ คือมีลักษณะขีดใหญ่ ๆ 3 ขีด คล้ายอักษรจีนขนาดต่าง ๆ กัน อยู่ทั้ง 8 เหลี่ยมของกระจก4. ต้นไม้ ฮวง จุ้ยจะถือว่าต้นไม้เป็นตัวยาสารพัดประโยชน์ทีเดียวในการช่วยแก้ไขสิ่งที่ ชั่วร้าย หรือลักษณะพิฆาตต่าง ๆ ตามตำรา เพราะต้นไม้จะให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้พบเห็น เช่น กรณีมีศรพิฆาต ศรนี้จะพุ่งเข้าบ้านก็จะแก้โดยปลูกต้นไม้ใหญ่บังไว้หรือภายในบ้านมีมุมแหลม ของเสา ทำใหรู้สึกว่าถูกศรอีกมุมหนึ่ง ก็ให้ใช้ต้นไม้ คราวนี้ต้องปลูกไว้ในกระถางเพื่อไปวางให้ลบเหลี่ยมของเสานั้น นอกจากนี้ถ้าภายในบ้านยังมีมุมขาดหรือเว้าแหว่ง ก็อาจใช้กระถางต้นไม้อีกนั่นแหละที่เติมให้เต็มได้อย่างกลมกลืนและเป็น ธรรมชาติ
 p2.jpg
4. ต้นไม้ ฮวง จุ้ยจะถือว่าต้นไม้เป็นตัวยาสารพัดประโยชน์ทีเดียวในการช่วยแก้ไขสิ่งที่ ชั่วร้าย หรือลักษณะพิฆาตต่าง ๆ ตามตำรา เพราะต้นไม้จะให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้พบเห็น เช่น กรณีมีศรพิฆาต ศรนี้จะพุ่งเข้าบ้านก็จะแก้โดยปลูกต้นไม้ใหญ่บังไว้หรือภายในบ้านมีมุมแหลม ของเสา ทำใหรู้สึกว่าถูกศรอีกมุมหนึ่ง ก็ให้ใช้ต้นไม้ คราวนี้ต้องปลูกไว้ในกระถางเพื่อไปวางให้ลบเหลี่ยมของเสานั้น นอกจากนี้ถ้าภายในบ้านยังมีมุมขาดหรือเว้าแหว่ง ก็อาจใช้กระถางต้นไม้อีกนั่นแหละที่เติมให้เต็มได้อย่างกลมกลืนและเป็น ธรรมชาติ
5. แสงสว่าง ตาม หลักวิชาฮวงจุ้ยบอกว่าไม่ควรให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านมืดนานเกินไปและมืด ตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณบันไดขึ้นลง ในข้อนี้ผู้ที่เคยก้าวพลาดตกบันไดคงต้องเชื่อฮวงจุ้ยข้อนี้ และให้คะแนนเต็มร้อยไปเลย และยังมีบริเวณบ้านที่ไม่เคยได้ใช้คือระเบียงบ้านและดาดฟ้า ก็ควรเปิดไฟเสมอในตอนกลางคืน เพื่อเป็นการประหยัดไฟก็อาจใช้เพียงให้แสงสว่างเพื่อฮวงจุ้ยที่ดีเท่านั้นก็ พอ
clam1.JPG
6. เสียง อาจ ไม่มีใครคิดว่าจะช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้ อย่างไรแล้วก็มาช่วยจนได้ ช่วยได้ทำนองเดียวกับแสงสว่างคือ แสงสว่างทำลายความมืด เสียงทำลายความเงียบ เสียงจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่มีชีวิตขึ้น ฮวงจุ้ยบอกว่าบ้านที่ตั้งอยู่โดยเดี่ยวเดียวดายไม่มีเพื่อนบ้านให้ทักทาย สมควรอย่างยิ่งที่จะติดกระดิ่งลมหรือไม่ก็โมไบล์ไว้ เพื่อให้เกิดเสียงดังกังวาลเวลามีลมพัด เป็นการสร้างชีวิตให้บ้านหรือแม้บ้านที่มีคนอยู่คนเดียว หรือน้อยคนแล้วยังไม่ชอบจะพูดคุยกันก็ให้เปิดวิทยุ ให้มีคนมาพูดให้เราฟัง หรือเปิดทีวีเพื่อให้มีเสียงพูด มีการแสดงช่วยให้บ้านเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตัวท่านเพียงคนเดียว

ป้ายกำกับ:

อยากรู้มั้ย บูชาอะไรแล้วรวย .........


ร่ำรวย 1 แมวกวักญี่ปุ่น
มีลักษณะความเชื่อคล้ายกับ นางกวักของไทย ชาวญี่ปุ่นจะเรียกแมวกวักว่า "มาเนะคิเนะโกะ" แปลว่า แมวที่ทำหน้าที่เชื้อเชิญเงินทอง โชคลาภ บูชาเพื่อความร่ำรวยและสมปรารถนา

เคล็ดวิธีบูชา: ให้ตั้งไว้ในจุดที่ดีที่สุดของบ้าน เช่น ห้องรับแขกหรือบริเวณโต๊ะทำงาน และหมั่นเช็ดทำความสะอาดตลอดเวลา ดูแลอย่างใกล้ชิด แมวกวักก็จะนำความสุขและโชคลาภมาสู่คุณและครอบครัว

Tip: การ เลือกซื้อแมวกวัก ถ้าเลือกแมวกวักมือซ้าย หมายถึงให้เรียกลูกค้าเยอะๆ และยิ่งกวักสูงมากแค่ไหนก็เรียกคนได้มากเท่านั้น แต่ถ้ากวักมือขวา เป็นการเรียกเงิน เรียกทอง และความโชคดี


ร่ำรวย 2 ปี่เซียะ ดึงดูดเงินทอง
ถือ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความนิยมทั้งในเมืองไทยและในประเทศต่างๆ มากที่สุดในปัจจุบันนี้ ใครมีไว้บูชาจะทำให้มีแต่โชคลาภ ขณะเดียวกันก็ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และเป็นสัตว์มงคลที่ไม่มีรูทวาร จึงกินอย่างเดียว ไม่มีทางถ่ายออกเป็นเคล็ดวิชาหมายถึงเงินเข้าแล้วไม่มีออก ทรัพย์จึงเพิ่มพูนสถานเดียว

เคล็ดวิธีบูชา: ผู้ บูชาปี่เซียะควรมีจิตใจแจ่มใส ร่าเริง เพราะจะส่งผลให้ปี่เซียะมีพลังกล้าแกร่ง และคึกคะนอง ส่งผลให้มีโชคลาภ เก็บเงินอยู่ มีดอกผลเป็นกอบเป็นกำ

Tip: เจ้าของ ควรเอาใจใส่ด้วยวิธีการทำความสะอาดพูดคุยด้วยบ่อยๆ ลูบหัวและลูบบั้นท้าย คล้ายสัตว์เลี้ยงดีกว่าตั้งไว้เฉยๆ ถ้าลูบที่ท้องจะทำให้สมบูรณ์พูนสุข ลูบหัวทำให้ปัญญาแจ่มใส ลูบหลังทำให้มีโชควาสนา แต่ห้ามลูบปาก เพราะจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่อยู่


ร่ำรวย 3 กุมารทอง บันดาลความร่ำรวย
เป็น เครื่องรางของขลังที่คนไทยรู้จักกันมาช้านานมีอิทธิคุณหลายทาง นิยมใช้ปกป้องคุ้มครองและให้โชคลาภแก่ผู้เป็นเจ้าของ เพื่อให้ทำมาค้าขายดี มีทรัพย์จากการเสี่ยงโชค

เคล็ดวิธีบูชา: เมื่อนำเข้าบ้านแล้วควรตั้งชื่อให้กุมารทองเป็นการเฉพาะก่อนจะบอกเชิญเข้า บ้าน แล้วจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางหรือศาลพระภูมิ จากนั้นก็หมั่นบอกกล่าวในสิ่งที่ปรารถนา เช่น ให้ช่วยทำมาค้าขาย เฝ้าทรัพย์สิน ขอหวย ฯลฯ จะสัมฤทธิ์ผลทุกประการ ส่วนการเซ่นไหว้นั้นให้ใช้ขนม ผลไม้ และน้ำแดง

Tip: ห้ามวางกุมารทองไปทางทิศตะวันตก หรือปลายเท้าที่เรานอน หรือใต้บันไดบ้าน


ร่ำรวย 4 นกคุ้ม มารุมเรียกทรัพย์
เป็น ของขลังใช้บูชาเพื่อคุ้มครองให้คลาดแคล้วจากภัยอันตรายทั้งปวง และเรียกทรัพย์ เรียกเงินทองเข้าบ้านมากๆ โดยผู้บูชาส่วนใหญ่จะเอานกคุ้มใส่พานบูชา แล้วหันหน้าออกไปทางหน้าร้าน เพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาอุดหนุนซื้อสินค้า และบันดาลโชคลาภให้เจ้าของเกิดความร่ำรวย

เคล็ดวิธีบูชา: ในวันพระให้บูชาด้วยน้ำหวาน น้ำผึ้ง หรือขนมหวานต่างๆ พร้อมสวดบูชานกคุ้มฉบับย่อ โดยให้ท่องว่า "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา"


ร่ำรวย 5 พญาเต่า ร่ำรวยยั่งยืน มั่นคง
เต่า ถือว่าเป็นสัตว์มงคลตามตำราฮวงจุ้ยของจีน อุปนิสัยชอบเดินหน้าอย่างเดียว ถอยหลังไม่เป็น เป็นสัญลักษณ์ของการอายุยืน ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคง เป็นเครื่องรางทางด้านการค้าขาย เรียกลาภและป้องกันคดีความ เหมาะสำหรับผู้ดำเนินธุรกิจค้าขาย สร้างความร่ำรวยก้าวหน้าต่อไป

เคล็ดวิธีบูชา: เมื่อนำพญาเต่าเข้าบ้านให้จุดรูป 5 ดอก บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้านให้รับรู้ ขออนุญาตนำพญาเต่ามาอยู่ในบ้านเพื่อช่วยคุ้มครองและนำโชคลาภมาให้ สถานที่บูชาให้จัดวางในพาน หรือวางบนภาชนะอื่นๆ ที่มีน้ำ โดยรินน้ำพอปริ่มๆ หรือครึ่งตัวเต่า อย่าให้จมน้ำทั้งตัว วางไว้ที่ด้านล่างของหิ้งพระ ต่ำกว่าพระพุทธรูป หรือจัดวางไว้บนตู้บนโต๊ะเก็บเงินได้ทั้งนั้น

Tip: ให้ บูชาด้วยน้ำสะอาด ถวายผักบุ้งและผักกาดขาวตามโอกาส และถ้าถวายพวงมาลัยดอกมะลิหรือกุหลาบด้วยยิ่งดี แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามนำพญาเต่าไปงานศพ หรืองานอัปมงคลทั้งหลายเด็ดขาด


ร่ำรวย 6 นางกวัก กวักเงิน กวักทอง
เป็น เครื่องรางที่คนไทยรู้จัก และนิยมบูชากันมากที่สุดก็ว่าได้ พวกพ่อค้าแม่ค้ามักมีไว้บูชาบนหิ้ง โดยหันหน้าออกไปทางหน้าร้าน และมักจะตั้งนางกวักอยู่ทางขวามือของประตูบ้านเพื่อให้มือนางกวักอยู่ใกล้ ประตูที่สุด และดลบันดาลให้การค้าขายเป็นไปด้วยดี หรือที่เรียกว่าทำมาค้าขึ้น

เคล็ดวิธีบูชา: บูชาด้วยผลไม้และอาหารคาวหวาน หรือใช้ดอกกุหลาบแดงหรือดอกมะลิบูชา จุดธูป 9 ดอก พร้อมด้วยเครื่องประดับสตรี เช่น กำไล ลูกปัด ผ้าแพรหลากสี และควรวางไว้ต่ำกว่าพระพุทธรูป และองค์เทพชั้นสูงต่างๆ หรือจะแยกหิ้งบูชาก็ได้

Tip: บูชาทุกๆ เช้า ก่อนจะเริ่มค้าขาย หรือดำเนินธุรกิจอะไรก็ตาม เพื่อความมีสิริมงคล มีโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา การค้าดีมีกำไรงาม คล่องตัวในการทำงานเมตตามหานิยม ทำอะไรก็สำเร็จไปทุกสิ่งทุกอย่าง


ร่ำรวย 7 ไซดักทรัพย์ ดักความรวย
การ สร้างไซดักทรัพย์ ถือเคล็ดที่ว่าไซดักปลา ย่อมหมายถึงความอิ่มหนำสำราญ หรือความมีโชคดี เป็นเครื่องรางในการดักทรัพย์สินเงินทองและลาภผลต่างๆ เหมาะสำหรับติดบ้านเรือน นอกจากจะเป็นเครื่องรางที่บูชาเพื่อความร่ำรวยแล้ว ยังเป็นเครื่องในการปรับฮวงจุ้ยตามศาสตร์ของจีนอีกด้วย

เคล็ดวิธีบูชา: ใช้ คาถาด้านมหาลาภ เรียกเงินเรียกทองบทใดบทหนึ่ง หรือบทที่เรานับถือท่องอยู่เป็นประจำ เช่นคาถาหัวใจเศรษฐี ท่องว่า "อุ อา กะ สะ" วันละ 3 ถึง 9 ครั้ง

Tip: การแขวนไซต้องแขวนในที่สูง โดยหันปากไซออกไปทางหน้าร้าน เพื่อดึงดูดโชคลาภและเงินทองให้เข้ามาหา ไม่ควรหันปากไซเข้ามาหรือหันตามขวาง เพราะจะได้ผลไม่เต็มที่


ร่ำรวย 8 ปลาตะเพียน ขยันหมั่นเพียรจนร่ำรวย
เครื่อง รางที่แฝงคติธรรมล้ำลึก ในความหมายของไทย หมายถึง ความขยันหมั่นเพียรและสัญลักษณ์ของความโชคดี ส่วนในความหมายของจีน ปลาหมายถึงความมีชีวิตชีวา และโชคลาภ จะทำให้ชีวิตเจ้าของบ้านมีความกระตือรือร้น ค้าขายดี มีโชคลาภ ขยันหมั่นเพียรไม่หยุดนิ่ง

เคล็ดวิธีบูชา: ใช้อธิษฐานบูชาสำหรับการค้าขาย การทำมาหากิน ควรจัดวางปลาตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง ที่ผ่านพิธีกรรมปลุกเสกลงอักขระเลขยันต์แล้ว ด้วยการแขวานไว้ในที่อันถูกโฉลก บริเวณกลางเพดานหรือหน้าร้านค้า โดยหันหน้าปลาตะเพียนเงิน ตะเพียนทองเข้าหากัน

Tip: ทุกเช้าให้บูชาโดยเอาขันน้ำมนต์ยกขึ้นไปแช่ตัวปลาแล้วอธิษฐานพรตามใจปรารถนา จากนั้นก็นำน้ำมนต์ไปพรมสินค้าที่จะขาย หรือพรมไปทั่วร้านค้าหรืออธิษฐานแล้วแต่สะดวก


ร่ำรวย 9 ชูชก ขอรวย ขอลาภ
พราหมณ์ เฒ่า ผู้เติมบารมีของพระเวสสันดรให้เต็มเปี่ยม ถือกันว่าเป็นเครื่องรางแห่งการขอความสำเร็จในเรื่องโชคลาภเงินทองอย่างไม่ มีขีดจำกัด

เคล็ดวิธีบูชา: โบราณได้พิจารณาเห็นคุณสมบัติของชูชกว่า มีเสน่ห์และมีเมตตามหานิยมสูง ขออะไรก็ได้สมใจปรารถนาทุกอย่าง ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองข้าวของเครื่องใช้ บ้านเรือน บริวาร จึงได้สร้างเครื่องรางชูชกขึ้นมา ส่วนคาถาการบูชาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสำนัก จะเลือกบูชาจากแห่งไหน ก็ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนตามใจชอบ


ร่ำรวย 10 ฮก ลก ซิ่ว
คน จีนนิยมนำ ฮก ลก ซิ่ว มาตั้งไว้ในบ้าน เพื่อให้เกิดความเป็นมงคล มีวาสนา ร่ำรวย ตามความหมายของ ฮก ลก ซิ่ว ที่ว่า ฮก คือ โชคลาภ วาสนา ลก คือ บุญบารมี และซิ่ว คือ อายุมั่นขวัญยืน

เคล็ดวิธีบูชา : ควร ตั้ง ฮก ลก ซิ่ว ให้หันหน้าออกไปทางประตู ส่วนบริเวณด้านหลังขององค์ฮก ลก ซิ่ว ควรเป็นฝาผนังไม่ควรเป็นหน้าต่าง นอกจากนี้ยังสามารถตั้งองค์ ฮก ลก ซิ่ว ไว้ในห้องรับแขก ตรงด้านหลังเก้าอี้ยาวของชุดรับแขก แต่ห้ามตั้งหลังเก้าอี้เดี่ยวของชุดรับแขก และไม่ควรนำมาตั้งไว้หน้าห้องน้ำหรือห้องครัว

Tip: การตั้ง ฮก ลก ซิ่ว ถ้าต้องการให้ค้าขายดี เกิดโชคลาภ ให้ตั้ง ฮก อยู่ตรงกลาง


ร่ำรวย 11 เจ้าเงาะนำโชค
เครื่อง รางสุดขลังด้วยอิทธิฤทธิ์ เป็นที่เลื่องลือถึงความมหัศจรรย์ด้านมหาโชคมหาลาภ บันดาลความร่ำรวยให้เป็นมหาเศรษฐี มีเงินทองมากมายก่ายกอง บันดาลด้านธุรกิจ การค้า การเงิน การงาน ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น ใครมีไว้บูชา ติดบ้าน ร้านค้า จะเจริญ ค้าขายดีมีกำไร

เคล็ดวิธีบูชา: เมื่อเชิญเจ้าเงาะนำโชคขึ้นวางบนหิ้งบูชาซึ่งควรแยกหิ้งต่างหาก ให้จัดสิ่งของบูชาถวายใส่ให้เหมาะสม อาทิ บูชาด้วยดอกไม้แดง น้ำดื่ม น้ำผลไม้ ผลไม้ตามฤดูกาลพร้อมจุดธูป 2 ดอกถวายเครื่องสังเวย อธิษฐานขอให้เจ้าเงาะบันดาลความสุข ความรุ่งเรือง ขอให้ค้าขายดี มีกำไร ก้าวหน้าตลอดไป

Tip: ควรจุดธูปและกล่าวบูชาทุกเช้า-เย็น ส่วนสิ่งของที่ถวาย ถ้าไม่สะดวกทุกวัน จะถวาย 3 วัน 7 วัน หรือ 10 วันต่อครั้งก็ได้



รู้สักนิด...ก่อนคิดบูชา
"อ.วรพงษ์ มหัตนวิโรจน์" วิทยากรด้านการไหว้เจ้าและฮวงจุ้ย ได้กล่าวเอาไว้ว่า

" คนเราจะร่ำรวยได้นั้นต้องประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังนี้คือ สมอง คนเราต้องมีความคิดดี มีปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีพให้เจริญก้าวหน้ามีสติปัญญาแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงได้และต้องหมั่นลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ ต้องมีความเชี่ยวชาญในงานนั้นๆ มีความเป็นเลิศแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดี

นอกจากเก่งแล้วยังต้องเฮงด้วย การบูชาสิ่งต่างๆ ก็อยู่เหนือเหตุผลที่จะอธิบายได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มีประจักษ์มาแล้วแต่เราก็ต้องบูชาด้วยใจศรัทธา และมีสติจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่หลงงมงายสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้บูชาจะประสบความสำเร็จได้ก็คือ เราต้องพึ่งตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่สามารถบันดาลให้คุณสมปรารถนาได้ทุกคน ถ้าคุณไม่ลงมือทำจริงๆ"

ป้ายกำกับ: