Sexy Girls Video Clip Gossip Stars

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ขึ้นภาษีเหล้า-เบียร์-บรั่นดีเล็งน้ำมัน2บาท


คอเหล้าอ้วกครม. ขึ้นภาษีเหล้า-เบียร์-บรั่นดี เผยเบียร์ปรับ 4-5 บาท -เหล้าขาว 1.75-2 บาท ขณะที่เหล้า 4-5 บาท ส่วนบรั่นดี 19 บาทต่อขวด เผยมีผลทันทีตั้งแต่เที่ยงคืน 6 พ.ค. เตรียมรีดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยอีก พร้อมจ่อปรับภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร ตั้งเป้าหาเงินเข้ารัฐ 7 หมื่นล้าน ด้านผู้ประกอบการเชื่อยอดขายฮวบ ขณะที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันเงินค่าธรรมเนียมศาล-เงินค่าปรับคีดอาญา 5,000 ล้านบาทรัฐสามารถนำไปใช้ได้ เหตุเป็นเงินของแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสินค้าประเภทเบียร์ บุหรี่และบรั่นดี เพื่อเป็นการเพิ่มฐานการจัดเก็บรายได้ให้แก่รัฐบาล เพิ่มความจูงใจในการลดการบริโภครวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของรัฐบาลในอนาคต โดยมติ ครม.ในครั้งนี้จะมีผลในเวลา 24.00 น.วันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ส่วนภาษีน้ำมันยังไม่ขอเปิดเผยเรื่องการปรับกรอบการขึ้นเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะเป็นความลับยังไม่สามารถแถลงให้ทราบได้

“การปรับเพิ่มภาษีเหล้า เบียร์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มรายได้ของรัฐบาล เพื่อนำมาใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อเสริมฐานรายได้ของรัฐบาลให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น และในการปรับเพิ่มภาษีแต่ละประเภทรัฐบาลจะคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างเป็นหลัก โดยในครั้งนี้จะเน้นการปรับเพิ่มภาษีเฉพาะในส่วนที่กรมสรรพสามิตดูแลเท่านั้น” นายกรณ์กล่าว

ด้าน นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า อัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ประกาศขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลต่อราคาขายปลีกของเบียร์ เหล้าและบรั่นดี ดังนี้ ราคาขายปลีกเบียร์จะปรับเพิ่มขึ้น 4-5 บาทต่อขวด เหล้าขาวปรับขึ้น 1.75-2 บาทต่อขวด เหล้าผสมปรับขึ้น 4-5 บาทต่อขวด และบรั่นดีเพิ่มขึ้น 19 บาทต่อขวด ซึ่งผลจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 6.3 พันล้านบาท

ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตยังมีแผนปรับขึ้นภาษีในส่วนของกรมสรรพสามิตอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อให้รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังมองภาษีที่จะต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นควรจะอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่อยู่ในความดูแลของกรมสรรพสามิต

ผู้ประกอบการจ่อปรับราคา

วันเดียวกัน นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ สิงห์ ลีโอ สิงห์ไลท์ กล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีเบียร์เต็มเพดานจาก 55 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็น 60 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หรือโดยเฉลี่ยแล้วมีผลต่อต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 3-5 บาทต่อขวด ซึ่งหากบริษัทแบกรับภาระไม่ไหวคงต้องปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และคงต้องปรับราคาขึ้นตามภาษี

นายฉัตรชัยกล่าวว่า รัฐบาลปรับขึ้นภาษีเบียร์เต็มเพดานครั้งนี้อาจทำให้ผู้บริโภคกินเหล้าขาวแทน เพราะอัตราการจัดเก็บตามปริมาณที่เพิ่มขึ้น 120 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จากเดิม 110 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ นั้นยังไม่เต็มเพดานภาษีที่ตั้งไว้ 400 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ทั้งที่เป็นตลาดที่มีคนดื่มมากสุดมีมูลค่านับแสนบ้านบาท

หวั่นเอื้อกลุ่มทุนรายใหญ่

นายฉัตรชัย ยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจะจัดเก็บภาษีหน้าโรงงานเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการปรับภาษีใหม่ โดยเบียร์สิงห์ปรับขึ้น 42.9% จากเดิม 36.5% เบียร์ลีโอปรับขึ้น 31.6% จากเดิม 22.2% นั้น จะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการเบียร์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 8-10 บาทต่อขวด ส่งผลทำให้ราคาเบียร์ใกล้เคียงกับเหล้าขาวถ้าปรับราคาหน้าโรงงานราคาเบียร์สิงห์ขนาด 630 มล. จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ขวดละ 58-60 บาทจากเดิมขวดละ 50 บาท ส่วนเบียร์ลีโอจะขยับขึ้นขวดละ 49-50 บาทจากเดิมราคาขวดละ 41 บาท

"ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่มีการปรับราคาหน้าโรงงาน โดยที่ไม่ได้ถามผู้ประกอบการ ตรงนี้เท่ากับรัฐบาลได้ภาษี 2 เด้ง แต่สำหรับผู้ประกอบการทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2 ต่อที่สำคัญมันไม่น่าถูกต้องในทางปฏิบัติ ถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ซึ่งเราพร้อมที่จะตรวจสอบและต่อสู้เพื่อความถูกต้อง"

นายวิสุทธิ์ โลหิตนาวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท กราน-มอนเต้ จำกัด และนายกสมาคมไทยไวน์ กล่าวว่า การปรับภาษีทุกครั้งจะส่งผลให้เหล้าหนีภาษี หรือเหล้าเถื่อน ทะลักเข้ามาในประเทศมากขึ้น เนื่องจากเกิดช่องว่างของราคาเพิ่มขึ้น มีผลทำให้คนนิยมหันไปซื้อเหล้าหนีภาษีเยอะขึ้น แทนที่รัฐบาลจะได้ภาษีจากผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นกลับลดลง เพราะการบริโภคเหล้า เบียร์ ไวน์ ที่เสียภาษีถูกต้องลดลงเพราะสินค้าราคาสูงขึ้น ขณะที่สัดส่วนของการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละชนิดมีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดช่องว่างและความเลื่อมล้ำในการคิดคำนวณภาษี ในฐานะผู้ประกอบการมองว่ารัฐควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเหล้าเถื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

"เจริญ" ดูท่าทีคู่แข่งก่อนปรับราคา

แหล่งข่าวจากวงการเหล้าขาว กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเหล้าขาวโรงใหญ่ยังไม่ได้ปรับราคาขึ้น เพราะรอดูความเคลื่อนไหวของคู่แข่งก่อนที่จะปรับราคา แต่อย่างไรก็ตามการปรับภาษีครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับกลุ่มนายเจริญมากนักถ้าเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากอัตราภาษีที่ปรับขึ้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ทั้งๆ ที่ควรจะปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่านี้ เพราะมีอัตราการบริโภคสูงกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นและทุกครั้งที่ปรับภาษีเหล้าขาวปรับน้อยมาก

ส่วนการปรับภาษีอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบล่าสุด พบว่ากลุ่มเบียร์ขยับอัตราการจัดเก็บตามมูลค่าเป็น 60 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากเดิม 55 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งเต็มเพดานแล้ว ส่วนกลุ่มเหล้าขาวขยับอัตราการจัดเก็บตามปริมาณเป็น 120 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จากเดิม 110 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งยังไม่เต็มเพดานภาษีที่ตั้งไว้ 400

ส่วนสุราผสมขยับอัตราการจัดเก็บตามปริมาณเป็น 300 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จากเดิม 280 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งยังไม่เต็มเพดานภาษีที่ตั้งไว้ 400 เช่นกัน ขณะที่บรั่นดี ขยับอัตราการจัดเก็บตามมูลค่าเป็น 48 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จากเดิม 45 ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งยังไม่เต็มเพดานที่ตั้งไว้ที่ 50

เล็งปรับภาษีน้ำมัน 2บาท/ลิตร

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า ครม.ยังเห็นชอบการขยับกรอบเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ขึ้นอีก 2 บาทต่อลิตรทุกประเภท แต่จะขึ้นเมื่อใดนั้นต้องให้กรมสรรพสามิตออกประกาศอัตราใหม่ที่ชัดเจนก่อนคาดว่าจะมีผลในเร็วๆ นี้ และการที่ยังไม่มีการประกาศที่ชัดเจนก็เพราะหวั่นเกรงว่าจะมีการกักตุนน้ำมัน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า รายการภาษีสรรพสามิตอื่นที่จะปรับขึ้นจะเป็นภาษีบุหรี่ และภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด ซึ่งเฉพาะภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะปรับขึ้นในอัตรา 2 บาทต่อลิตรทุกประเภท พบว่าหากมีการปรับภาษีน้ำมันทุกชนิดขึ้น 1 บาทต่อลิตร จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่ม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 2.4 หมื่นล้านบาทต่อปี และหากปรับขึ้น 2 บาทต่ออลิตร จะทำให้มีรายได้เพิ่ม 4.8 หมื่นล้านบาทต่อปี

ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นการด่วนในช่วงบ่ายวันที่ 6 พฤษภาคม ก่อนที่จะประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงบ่ายเพื่อพิจารณาลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากกรณีกระทรวงการคลังได้เสนอต่อที่ประชุม

กระทรวงพลังงานจึงเตรียมลดเงินกองทุนน้ำมันเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันในส่วน เบนซิน 95 จัดเก็บ 7 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อัตรา 5.70 บาท แก๊สโซฮอล์ อี 10 ในส่วนออกเทน 95, 91 อัตรา 2.35 และ 1.75 บาท บี 2 อัตรา 1.70 บาทต่อลิตร และกองทุนชดเชย อี 20 อัตรา 30 สต. อี 85 อัตรา 8 บาท บี 5 อัตรา 20 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้ การขึ้นภาษีน้ำมันดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ของรัฐบาลชุดนี้ จากที่ก่อนหน้านี้ภาษีเบนซินอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต่อลิตร เหตุผลหลักรัฐต้องการจัดเก็บรายได้สูงขึ้นจากปัญหารายได้หดหายเพราะเศรษฐกิจหดตัว

ตัวแทนเหล้าฟันธงยอดขายฮวบ

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มเอเย่นต์เหล้า เบียร์ ภายหลังทราบข่าวการขึ้นภาษีดังกล่าวนั้น วันเดียวกัน นายสุรัตน์ พิพัฒน์ไชยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขอนแก่นเบียร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ อาทิ เบียร์สิงห์ ลีโอ อาซาฮี ใน จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า การปรับขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ ส่งผลกระทบต่อยอดขายของตัวแทนจำหน่ายแน่นอน เพราะหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้วก็จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ยอดขายจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ทุกปี ดังนั้นจึงคาดว่าหลังการปรับภาษีและเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ยอดขายของทางร้านน่าจะลดลงประมาณ 15-20% จากเดิมที่ก่อนจะขึ้นภาษียอดขายในช่วงโลว์ซีซั่นจะลดลงประมาณ 10% ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การปรับขึ้นภาษีทำให้ราคาขายแพงขึ้น เชื่อว่าผู้บริโภคน่าจะลดปริมาณการดื่มลงเช่นเดียวกัน

ขณะที่นายทวีวัฒน์ รติรมย์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ ซี.ดี.ซัพพลาย จำกัด ตัวแทนจำหน่ายสุรา เบียร์ ทั้งในและต่างประเทศรายใหญ่ในภาคเหนือ กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอนหลัง ครม.มีมติปรับขึ้นเพดานภาษีเหล้าและเบียร์ โดยตลาดเหล้าที่มีราคาแพงจะหดตัวลง ส่วนตลาดระดับล่างจะได้รับอานิสงส์ เพราะคนหันมาซื้อของถูกดื่มแทน

นายทวีวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจภาพรวมตลาดเหล้า เบียร์ มียอดขายลดลงกว่า 30-40% หากรัฐบาลปรับเพิ่มเพดานภาษี คาดว่ายอดขายจะลดลงจากเดิมอีก แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่งว่าหลังปรับขึ้นภาษีแล้วราคาเหล้า เบียร์แต่ละยี่ห้อจะปรับขึ้นเท่าใด

ด้านนายอภินันท์ ศิริโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัทเมืองใต้พาณิชย์ จำกัด เอเย่นต์จำหน่ายเบียร์สิงห์รายใหญ่ของภาคใต้ เปิดเผยว่า การปรับขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 6-7% ซึ่งจะส่งผลให้ต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 3-5 บาท เนื่องจากเป็นราคาที่ผู้บริโภคพอจะรับได้ แต่หากมีการปรับสูงมากไปกว่านี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายแน่นอน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องรอความชัดเจนเรื่องราคายืนยันอีกครั้งเพื่อนำไปประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายมากน้อยขนาดไหน

ชี้เงินค่าธรรมเนียมศาลรัฐใช้ได้

วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวภายหลังลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางกฎหมาย การศาล และการบริหารงานศาลยุติธรรม ระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลประชาชนสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมจะยืมเงินค่าธรรมเนียมศาล มาแก้ปัญหาขาดแคลนงบประมาณ ว่าเงินค่าธรรมเนียมศาล เป็นเงินที่ประชาชนยื่นฟ้องคดีแพ่ง ต้องนำเงินมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งตามกฎหมายเดิมกำหนดไว้ในอัตราร้อยละ 2.5 แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท แต่ในกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่ให้วางค่าธรรมเนียมศาลจำนวนน้อยลง

“เงินค่าธรรมเนียม ที่ศาลนำส่งกระทรวงการคลัง ถือเป็นรายได้ของแผ่นดิน ไม่ใช่รายได้ของศาล ซึ่งในแต่ละปีมีประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่หากรวมเงินที่ได้จากค่าปรับในคดีอาญา จาก พ.ร.บ.การพนัน และพ.ร.บ.ศุลกากร หลังจากจ่ายค่าสินบนนำจับให้เจ้าพนักงานร้อยละ 50 แล้ว ก็จะมีเงินที่ศาลส่งให้กระทรวงการคลังปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลจะนำเงินค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งถือเป็นรายได้ของแผ่นดินไปใช้จ่าย และถือเป็นอำนาจของรัฐบาล สำนักงานศาลยุติธรรมคงไม่สามารถคัดค้านหรือแสดงความเห็นได้” นายพินิจกล่าว

ป้ายกำกับ:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก